นายภากร ตั้งนุกูลกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายการขายและการตลาด บมจ.ศิรกร (SK) เปิดเผยแผนการดำเนินงานในปี 64 ว่า บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ในปีนี้ที่ 15-20% กลับไปใกล้เคียงปี 62 ที่มีรายได้ 674.03 ล้านบาท หลังจากปี 63 รายได้หดตัวรับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19
บริษัทยังคงเน้นดำเนินงานของโรงงานที่มีอยู่ทั้งหมด 6 แห่ง พร้อมเพิ่มการประมูลงานรับเหมาก่อสร้างสายส่งและสายจำหน่ายไฟฟ้า, เพิ่มความสามารถในการรับงานรับเหมาก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าขนาด 230 กิโลโวลต์ให้ได้ด้วยตนเอง รวมทั้งปรับปรุงประสิทธิภาพในการผลิตเพื่อรองรับโอกาสในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ และเพิ่มศักยภาพในการขนส่งสินค้า
ปัจจุบัน บริษัทงานในมือ (Backlog) เพิ่มขึ้นเป็น 344 ล้านบาท ซึ่งเป็นงานที่อยู่ระหว่างดำเนินการ 288 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ภายในปีนี้ทั้งหมด อีกส่วนหนึ่งเป็นงานรอเซ็นสัญญา 56 ล้านบาท แบ่งเป็นงานผลิตภัณฑ์คอนกรีต 26 ล้านบาท และงานรับเหมาก่อสร้างงานระบบสายส่งและสายจำหน่ายไฟฟ้า 30 ล้านบาท
สำหรับงานที่อยู่ระหว่างดำเนินการ แบ่งเป็นงานผลิตภัณฑ์คอนกรีต 86 ล้านบาท และงานบริการ 202 ล้านบาท ซึ่งเป็นงานรับเหมาก่อสร้างงานระบบสายส่งและสายจำหน่ายไฟฟ้า 152 ล้านบาท และงานรับเหมาก่อสร้างโยธา 50 ล้านบาท ได้แก่ งานก่อสร้างปรับปรุงเขื่อนป้องกันตลิ่งคลองอ้อมนนท์, งานภูมิสถาปัตยกรรมโรงไฟฟ้าพระนครใต้, งานสายส่งและสายจำหน่ายไฟฟ้า 230 กิโลโวลต์ จันทบุรี-ตราด, โครงการ 115 กิโลโวลต์ งานก่อสร้างสายส่งสถานีไฟฟ้าแก่งคอย สระบุรี, โครงการเคเบิ้ลใต้ดินรองรับรถไฟฟ้าความเร็วสูง ชลบุรี, โครงการ 115 กิโลโวลต์ กาญจนบุรี (เสาโครงเหล็ก), โครงการ 33 กิโลโวลต์เคเบิ้ลใต้ดิน นครศรีธรรมราช, โครงการ 230 กิโลโวลต์ จันทบุรี-ตราด (4 วงจร) และโครงการเคเบิ้ลใต้ดิน เขตพื้นที่ กฟต.1 เพชรบุรี
นายภากร กล่าวว่า มื่อดูจากผลการดำเนินงานในสองเดือนที่ผ่านมา คาดว่างานประมูลในส่วนของคอนกรีตในปีนี้จะออกมามากขึ้น 2-3 เท่าของปีที่แล้ว โดยในไตรมาส 1/64 มีงานเข้าประมูลงานก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าทั้ง Over head และ Underground ซึ่งเป้าหมายของบริษัทในปีนี้จะเพิ่มการประมูลรับเหมาก่อสร้างสายส่งและสายจำหน่ายไฟฟ้า โดยคาดว่าการไฟฟ้าภูมิภาค (กฟภ.) จะมีงานออกมาให้ประมูลประมาณ 1,000 ล้านบาท ในช่วงสิ้นไตรมาส 2/64 โดยบริษัทคาดหวังจะได้รับงานราว 100-200 ล้านบาท
บริษัทต้องการเพิ่มความสามารถในการรับเหมางานก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าขนาด 230 กิโลโวลต์ด้วยตนเอง โดยเฉพาะงานสายส่งของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่ปัจจุบันบริษัทมีศักยภาพในการเข้าร่วม แต่เนื่องจากงานเก่ายังไม่จบจึงต้องเข้าเป็นกิจการค้าร่วม (Consortium) ตามเดิม ซึ่งหากบริษัทสามารถเข้าประมูลงานได้เองจะมีปริมาณงานให้เข้าประมูลสูงถึง 1,800 ล้านบาท
นอกจากนั้น หากสามารถจบงาน 230 กิโลโวลต์ได้ บริษัทก็มีแผนต่อไปที่จะเข้าร่วมประมูลงานขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 500 กิโลโวลต์ ซึ่งมูลค่าในแต่ละงานจะมากกว่างาน 230 กิโลโวลต์กว่า 2-3 เท่า หรือที่ประมาณโครงการละ 1,000 ล้านบาท ซึ่งตอนนี้กำลังอยู่ในกระบวนการศึกษาและหาพันธมิตรเข้ามาร่วมมือด้วย
ด้านสถานการณ์ตลาดในปีนี้ ราคาเหล็ก ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิต ปรับขึ้นมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้วถึงปัจจุบันประมาณ 40-50% ซึ่งส่งผลกระทบต่อกำไรขั้นต้นของบริษัทที่มีแนวโน้มลดลง ซึ่งคาดการณ์ว่าในไตรมาส 1/64 ยอดขายน่าจะใกล้เคียงกับไตรมาส 1/63 ส่วนกำไรขั้นต้นแม้ได้รับแรงกดดันจากต้นทุนเหล็ก แต่งานก่อสร้างมีสัดส่วนมากขึ้น จึงคาดว่ากำไรขั้นต้นน่าจะดีขึ้นกว่าไตรมาส 1/63 ที่ผ่านมา
ส่วนเป้าหมายในการเพิ่มศักยภาพในการขนส่งสินค้า บริษัทได้ดำเนินการเพิ่มศักยภาพการขนส่งสินค้า ตั้งแต่ปีที่แล้วจนถึงต้นปี 64 นี้ โดยได้มีการนำรถแทรกเตอร์ใหม่เข้ามาที่โรงงานแล้วประมาณ 4 คัน และได้กระจายไปตามโรงงานต่างๆ ของบริษัทเรียบร้อยแล้ว
นายวิชัย สินธุกาญจนพันธุ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายบัญชี การเงิน และสนับสนุนองค์กร บมจ.ศิรกร (SK) เปิดเผยผลประกอบการของปี 63 บริษัทมีรายได้รวม 561 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์คอนกรีต 311.2 ล้านบาท รายได้จากการรับเหมาก่อสร้างโยธา 69.4 ล้านบาท และรายได้จากการรับเหมาก่อสร้างสายส่งและสายจำหน่ายไฟฟ้า 177.8 ล้านบาท ด้านกำไรสุทธิอยู่ที่ 19.1 ล้านบาท