SPALI เผยมีงานรอรับรู้ฯอีก 2.5 พันลบ.ใน H2/50 จาก 2.8 พันลบ.ใน H1/50

          นายอธิป พีชานนท์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ศุภาลัย(SPALI)คาดว่า ในครึ่งปีหลังจะทยอยรับรู้รายได้อีก 2.5 พันล้านบาทจากครึ่งปีแรกที่รับรู้รายได้ไปแล้ว 2.8 พันล้านบาท จึงทำให้เชื่อมั่นว่ายอดรับรู้รายได้ในปีนี้มากกว่าปีก่อนที่มียอดรับรู้รายได้ 4.3 พันล้านบาท โดยโครงการที่รอรับรู้ในครึ่งปีหลังจะมาจากโครงการศุภาลัย คาซารีวา มูลค่ากว่า 1 พันล้านบาท จากมูลค่าของโครงการรวม 4 พันล้านบาท ซึ่งบางส่วนรับรู้ไปแล้วในครึ่งปีแรก และที่เหลือมาจากโครงการแนวราบและคอนโดฯอื่นๆ 
          ส่วนยอดขายมองว่าปีนี้ไม่น่าจะต่ำกว่า 8 พันล้านบาท และสูงกว่าปีก่อนที่มียอดขายขาย 7.3 พันล้านบาท รวมทั้งคาดว่าจะสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นที่ 38-39% ได้ และมีโอกาสจะเพิ่มขึ้นเป็น 40%
          นายอธิป กล่าวว่า ในครึ่งปีหลังบริษัทมีแผนออกโครงการ 6 โครงการ มูลค่ากว่าหมื่นล้านบาท แบ่งเป็น โครงการคอนโดมิเนียม 3 โครงการ บริเวณเกษตรนวมินทร์, รัชดา-ท่าพระ, ถนนสาทร-นราธิวาส ประมาณ 4 พันกว่ายูนิต และ ที่เหลือเป็นโครงการแนวราบ 2 โครงการ บริเวณวงแหวนปิ่นเกล้า, พระราม 5  ประมาณ 500 ยูนิต และอีก 1 โครงการ ย่านถนนกรุงเทพ-นนทบุรี 
          นอกจากนี้ ในปีนี้ยังมีแผนจะขยายเฟสต่อเนื่องของโครงการเดิมอีก 23 โครงการ รวมมูลค่าโครงการกว่า 2 หมื่นล้านบาท และยังมีโครงการที่ภูเก็ต ซิตี้ รีสอร์ท ซึ่งเป็นการลงทุนของบริษัทโดยตรง 3 โครงการ มูลค่ารวม 1.5 พันล้านบาท โดยจะเปิดปลายปีนี้ 
          นายอธิป กล่าวถึงความคืบหน้าของอาคารแกรนด์ ศุภาลัย ถนนพระราม 3 ว่า จะสามารถเปิดให้บริการในเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบได้ในปีหน้า แม้ว่าปัจจุบันมีรายได้จากค่าเช่าไม่ถึง 10% แต่หากปีหน้าเปิดเต็มพื้นที่ 4 หมื่น ตร.ม.ก็จะทำให้ศุภาลัยมีรายได้จากค่าเช่า ปีละ 200 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีแผนปรับพื้นที่บางส่วนในอาคารเป็นห้องจัดงานเลี้ยงหรือห้องประชุม เพื่อสร้างรายได้เพิ่มเข้ามาอีกช่องทางหนึ่ง 
          "นอกจาก 6 โครงการดังกล่าวที่ได้มีการซื้อที่ดินไปแล้ว จะมีการซื้อเพิ่มอีกเพื่อรองรับการพัฒนาโครงการในปีหน้า ซึ่งจะมีงบซื้อที่ดินเฉลี่ย 2-2.5 พันล้านบาท ซึ่งปีนี้ใช้ไปแล้วประมาณ 1 พันล้านบาท" นายอธิป กล่าว 
          ส่วนการออกหุ้นกู้ที่เหลือจากที่ได้รับอนุมัติไว้ 4 พันล้านบาทนั้น นายอธิป กล่าวว่า วงเงินหุ้นกู้ที่เหลือจากที่ออกในล็อตแรก 1 พันล้านบาท 4-7 ก.ย.นี้คงจะต้องพิจารณาจากสภาวะที่เหมาะสม โดยเงินส่วนใหญ่ที่ได้ก็จะนำไปซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการและใช้เป็นทุนหมุนเวียนของบริษัท