นายวิบูลย์ อุตสาหจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สยามเวลเนสกรุ๊ป (SPA) เปิดเผยว่า บริษัทศึกษาวิจัยการนำกัญชงและกัญชามาใช้ในการให้บริการและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้า โดยได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับพันธมิตร 2 รายที่ได้รับโควต้าปลูกกัญชงกัญชาเพื่อนำผลผลิตมาใช้
บริษัทคาดว่าจะนำกัญชงกัญชามาใช้ให้บริการนวด เนื่องจากมีคุณสมบัติช่วยผ่อนคลาย และลดการอักเสบ ซึ่งนอกจากจะใช้ในการทำสปาทรีตเมนต์แล้ว ยังสามารถนำประยุกต์ใช้ได้หลากหลาย เช่น นำมาใช้ในผลิตภัณฑ์ LRL (Let?s Relax Lifestyle) ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันนวด โลชั่นบำรุงผิว หรือผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้ผ่อนคลายก่อนนอน อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงต้องศึกษาเรื่องของต้นทุน การทำวิจัย และกฎหมายให้มีความชัดเจนก่อน
ส่วนแผนระยะกลางถึงระยะยาว บริษัทเตรียมพร้อมรับนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าเอเชีย อย่าง จีน ไต้หวัน เกาหลี และญี่ปุ่น ซึ่งหลายประเทศได้มีการฉีดวัคซีนโควิดกันอย่างแพร่หลายแล้ว ซึ่งจะสอดรับกับมาตรการของรัฐบาลที่จะนำร่องเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยไม่ต้องกักตัว เริ่มจากภูเก็ต ตามมาด้วย เกาะสมุย กระบี่ พังงา พัทยา และเชียงใหม่
แต่ในระยะสั้นยังคงโฟกัสนักท่องเที่ยวคนไทยก่อน โดยได้ออกแคมเปญเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าคนไทย คือ รอยัลตี้โปรแกรม ในเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา คิดอัตราค่าบริการพิเศษสำหรับสมาชิก เพื่อให้เข้ามาใช้บริการสม่ำเสมอมากขึ้น สามารถเก็บคะแนนเพื่อแลกบัตรสมนาคุณ หรือส่วนลดได้ ซึ่งแคมเปญนี้จะทำให้ลูกค้ารู้จักแบรนด์ของบริษัทมากขึ้น
นายวิบูลย์ กล่าวว่า ผลประกอบการไตรมาส 1/64 คาดว่ายอดรายได้จะกลับมาใกล้เคียงกับช่วงที่ยังมีการเปิดประเทศในปี 63 และที่ทิศทางธุรกิจครึ่งปีหลังคาดว่าจะทยอยกลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ยังต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยเรื่องเที่ยวบินรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ และการฉีดวัคซีน
บริษัทยังเน้นการกระจายความเสี่ยงในการทำธุรกิจมาในด้านธุรกิจสุขภาพมากขึ้น รวมถึงออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อทดแทนรายได้ที่หายไป ขณะที่บริษัทอยู่ในช่วงปรับกลยุทธ์ ชะลอการลงทุน และชะลอการขยายสาขาด้วยตัวเอง โดยอาจจะมีการเปิดให้บริการสปาเพิ่มในโรงแรมต่าง ๆ แทน อย่างไรก็ตาม เข้าใช้บริการในสาขาที่มีอยู่เริ่มกลับมาปกติแล้ว และบริษัทมีแผนทยอยเรียกพนักงานกลับมาเพื่อให้บริการลูกค้าคนไทยที่เพิ่มมากขึ้น
สำหรับการขยายธุรกิจในส่วนของ Wellness ก่อนหน้านี้บริษัทมีโรงแรมระรินจินดา เชียงใหม่ที่มีการบริการ Wellness center แต่ยอดผู้ใช้บริการยังมีสัดส่วนที่น้อยเมื่อเทียบกับผู้ที่มาเข้าพัก จึงมีการปรับเป็นรีสอร์ทธรรมดา แต่ขณะนี้เนื่องจากสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปคนหันมาสนใจสุขภาพมากขึ้น จึงปรับปรุงกลับมาเป็น Wellness center ตามเดิม คาดว่าจะเห็นในไตรมาส 3-4/64 นี้
นายณรัล วิวรรธนไกร รองกรรมการผู้จัดการ SPA กล่าวถึงผลการดำเนินงานในปี 63 ว่า บริษัทได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 จากการล็อกดาวน์ห้ามให้บริการนวดและสปา จึงพยายามออกผลิตภัณฑ์ต่างๆ มาทดแทนรายได้ที่หายไป โดยในปี 63 มีรายได้อยู่ที่ 433 ล้านบาท ลดลงจากปี 62 จึงได้มีมาตรการลดค่าใช้จ่าย ทั้งการลดเงินเดือน, การต่อรองค่าเช่าพื้นที่, การลดต้นทุนในสำนักงาน และการขอซอฟท์โลนจากทางรัฐบาล ทั้งนี้ ในปี 63 เป็นปีแรกที่มีผลขาดทุนสุทธิ 209 ล้านบาท โดยมี EBITDA อยู่ที่ 12 ล้านบาท