นายโดมเดช ศรีพิณเพราะ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ควอลลีเทค (QLT) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 64 เติบโต 5-10% จากปีก่อนที่มีรายได้ 421 ล้านบาท เป็นผลมาจากการรับรู้รายได้งานในมือ (backlog) ที่มีอยู่ราว 216 ล้านบาท ขณะที่บริษัทเตรียมเข้าประมูลงานใหม่ไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท คาดหวังว่าจะได้รับงานเข้ามาราว 100 ล้านบาท
ปัจจุบันบริษัทดำเนินโครงการอยู่ทั้งสิ้น 5 โครงการ ประกอบด้วย
1) Bacalhau, Dogger Bank A&B Project ของ Aibel (Thailand) Limited ระยะเวลาโครงการตั้งแต่ มกราคม 2564 - เมษายน 2566
2) Koodaideri, Santos Phase 3 Project ของ BJC Heavy Industries PCL ระยะเวลาโครงการตั้งแต่ มกราคม 2564 - ตุลาคม 2564
3) PTTLNG Nongfab LNG Receiving Terminal Project ของ Thai Rotary Engineering PCLระยะเวลาโครงการตั้งแต่ มกราคม 2564 - ตุลาคม 2564
4) Artic LNG 2 Project ของ Visavakit Patana Corp. ระยะเวลาโครงการตั้งแต่ สิงหาคม 2563 - ธันวาคม 2564
5) Yearly Contact Project ของ Chevron Thailand exploration and Production ระยะเวลาโครงการตั้งแต่ มกราคม 2564 - ธันวาคม 2564
นายโดมเดช กล่าวว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/64 คาดว่าจะเป็นไตรมาสที่แย่ที่สุดของปีนี้ จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกสอง โดยเฉพาะใน จ.ระยอง แต่ปัจจุบันสถานการณ์เริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น จึงเชื่อว่ารายได้ปีนี้จะเติบโตไม่ต่ำกว่าปีก่อน ขณะนี้บริษัทก็เริ่มเห็นสัญญาณการกลับมาลงทุนของกลุ่มลูกค้าที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมัน โดยลูกค้าเริ่มมีโครงการต่างๆ เพื่อเป็นการอัพเกรดและบำรุงรักษาระบบการผลิตรวมไปถึงการตรวจสอบโรงงาน โดยล่าสุดได้มีการยืนยันงานกับลูกค้ารายหนึ่ง มูลค่าประมาณ 15 ล้านบาท
ส่วนภาพรวมการแข่งขันในปีนี้มองว่ายังมีความรุนแรงในบางตลาด แต่บริษัทก็พยายามหลีกเลี่ยงตลาดที่มีการแข่งขันสูง โดยได้วางกลยุทธ์ไว้ 2 ด้าน คือ การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างครอบคลุม และการเพิ่มประเภทการให้บริการลูกค้า ซึ่งในปัจจุปันจะต้องทำเป็นงานแบบ turn key ส่งผลให้บริษัทมีความสามารถในการแข่งขัน ทั้งในเรื่องของราคาและความสามารถที่จะตอบโจทย์ลูกค้าได้มากขึ้น โดยทั้งสองกลยุทธ์จะสามารถผลักดันรายได้และกำไรของทางบริษัทให้เติบโตได้ตามเป้าหมาย
นายโดมเดช กล่าวถึงการจัดตั้งบริษัทย่อย บริษัท ควอลลีเทค โซลูชั่น เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (QSE) ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานแสงอาทิตย์ผ่านระบบ Solar Rooftop โดยร่วมกับบริษัท ครีเอทีฟ โซลูชั่น เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (CSE) บริษัทมองเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตในตลาดค่อนข้างสูง เป็นเทรนด์ของโลกในเรื่องพลังงานทดแทน ประกอบกับทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) มีนโยบายสนับสนุนธุรกิจดังกล่าว เห็นได้จากแผนพัฒนาพลังงานแห่งประเทศไทย ซึ่งตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะต้องมีพลังงานที่มาจาก Solar Cells ไม่ต่ำกว่า 10,000 เมกะวัตต์ในช่วง 5-7 ปีข้างหน้า