หุ้น GUNKUL ราคาวิ่งขึ้น 1.52% มาอยู่ที่ 4.02 บาท เพิ่มขึ้น 0.06 บาท มูลค่าซื้อขาย 984.24 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.18 น. โดยเปิดตลาดที่ 4.02 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 4.10 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 4.00 บาท
บล.เคทีบีเอสที ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้นบมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) ราคาเป้าหมาย 4.50 บาท มี upside จากโรงไฟฟ้าใหม่ 400MW และธุรกิจกัญชง โดย GUNKUL วางเป้าหมายรายได้ 5 ปีจากนี้จะเติบโตแตะ 20,000 ล้านบาท เป็นไปตามการขยายตัวของธุรกิจต่างๆ ทั้งธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนทั้งในประเทศและต่างประเทศ, ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง (EPC), ธุรกิจเทรดดิ้ง และธุรกิจกลยุทธ์การลงทุนและนวัตกรรม ปี 2021E คาดรายได้โตอย่างน้อย 20% ส่วนแผนการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จากปีก่อน จากโรงไฟฟ้าซึ่งมีผลประกอบการดีขึ้น โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าพลังงานลม และธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง (EPC) ซึ่งมีแผนเข้าประมูลโครงการเพิ่มเติมมูลค่ารวมกว่า 1.0 หมื่นล้านบาท โดยปัจจับมี backlog ราว 8.0 พันล้านบาททยอยรับรู้ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า
ส่วนความคืบหน้าการสร้างโรงงานสกัดกัญชงเพื่อนำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ออกจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศน้น ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการรอใบอนุญาตเพาะปลูกกัญชงเฟสแรก 150 ไร่ จากที่ดินพร้อมพัฒนาในตอนนี้ทั้งหมดราว 2.1 พันไร่ หลังจากบริษัทมีการจ้างบริษัทที่ปรึกษาในการคัดเลือกและนำเข้าเมล็ดพันธุ์เข้ามาปลูกแล้ว คาดว่าจะสามารถเริ่มปลูกได้ไม่เกินเดือน ก.ค.นี้ วางงบลงทุนระยะยาวเฉลี่ยปีละ 7.0 พันล้านบาท รองรับการเติบโต สำหรับงบการลงทุนรวมในระยะเวลา 3 ปี (2564-66) วางไว้ราว 2.0 หมื่นล้านบาท หรือเฉลี่ยปีละ 7.0 พันล้านบาท โดยยังมีแผนออกหุ้นกู้ในวงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาทเพื่อรองรับการลงทุนใหม่ ๆ ด้วย โดยยังคงเป้ามีกำลังการผลิตไฟฟ้าแตะระดับ 1,000MW ภายในปี 2023E จากปัจจุบันที่มีอยู่ราว 600MW
ฝ่ายวิจัยมีมุมมองเป็นบวก active investment จะช่วยสร้าง positive sentiment ให้กับหุ้น การตั้งเป้ารายได้แตะระดับ 2.0 หมื่นล้านบาทใน 5 ปีข้างหน้า จากรายได้ธุรกิจหลักปี 2020 ที่ระดับราว 8.0 พันล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย +20% ต่อปี (CAGR2020-25E) นับเป็นเป้าหมายที่ท้าทาย แต่ยังอยู่ในวิสัยที่สามารถทำให้สำเร็จได้ตามความเห็นของเรา โดยเราให้น้ำหนักกับเป้าหมายแรกในการมีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มอีกราว 400MW เพื่อให้ครบตามเป้าหมาย 1,000MW ในปี 2566 ซึ่งจากการประเมินของเราจะช่วยให้มีรายได้เพิ่มขึ้นอีกราว 5.2 พันล้านบาทต่อปี (บนสมมติฐานโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน 400MW, capacity factor 20%, FiT เฉลี่ย 3.0 บาท/kWh
และรายได้ธุรกิจ EPC และธุรกิจอื่นเติบโตเฉลี่ย 7% CAGR2564-66) ซึ่งหากทำสำเร็จจะทำให้รายได้ในปี 2566 อยู่ที่ราว 1.6 หมื่นล้านบาท และจะทำให้ปี 2567-68 บริษัทต้องสร้างรายได้ให้เติบโตราว 10% ต่อปีเพื่อให้รายได้อยู่ในกรอบที่ตั้งไว้ที่ 2.0 หมื่นล้านบาท (ยังไม่รวม upside จากธุรกิจกัญชง-กัญชา) คาดหลังจากนี้จะได้เห็น active investment ที่มากขึ้น (more projects announced) และสร้าง positive sentiment ให้กับหุ้นต่อไป Upside จากธุรกิจกัญชง-กัญชา ช่วยให้ถึงเป้าเร็วขึ้น บริษัทตั้งใจปลูกและสกัดสาร CBD ในโครงการเฟสแรก 200 ไร่ โดยประเมินได้สาร CBD isolate ราว 1.2 ตันต่อปี ซึ่งหากอิงราคาขายเฉลี่ยราว 1-3 แสนบาทต่อกิโลกรัม จะสร้างรายได้เพิ่มเติมได้อีกราว 1.2-3.6 พันล้านบาทต่อปี (และหาก scale up ได้จะเป็น upside ที่เพิ่มขึ้น) Valuation มี upside หากทำสำเร็จ
ปัจจุบันให้ราคาเป้าหมายที่ 4.50 บาท อิง SOTP โดยแบ่งเป็น 1) ธุรกิจในปัจจุบันที่ 3.25 บาทต่อหุ้น (โรงไฟฟ้าราว 600MW และธุรกิจ EPC ในปัจจุบัน) 2) ธุรกิจกัญชง-กัญชา 1.25 บาทต่อหุ้น (อิงสมมติฐานพื้นที่ปลูก 1,500 ไร่ และกำไรไร่ละ 7.5 แสนบาท) ในขณะที่หากบริษัทปิดดีลโรงไฟฟ้าเพิ่มเติมได้อีกราว 400MW ตามแผน คาดจะสร้าง upside ให้กับหุ้นอีกราว 1.50 บาทต่อหุ้น (อิง EIRR 12%, Project D/E 3/1, และเงินลงทุนเฉลี่ย 30 ล้านบาท/MW)