นายอรรถวิชญ์ เอกธนิตพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.บลิส-เทล (BLISS) อุบเงียบไม่ยอมชี้แจงกระแสข่าวเข้าซื้อหุ้น บมจ.อีเอ็มซี(EMC) แต่นโยบายของบริษัทจะลงทุนในหลักทรัพย์เพียงระยะสั้น ๆ เพื่อทำกำไรมากกว่าการลงทุนในระยะยาว
นายอรรถวิชญ์ กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ไม่ทราบเรื่องกระแสข่าวลือที่ว่าบริษัทฯได้เข้าไปเก็บหุ้น EMC ซึ่งการลงทุนในหลักทรัพย์ต่าง ๆ ถือเป็นโยบายภายใน
"ถ้าเราซื้อเราก็ซื้อผ่านตลาดฯ แต่เราก็อาจจะไม่ได้ซื้อก็ได้ เรื่องพวกนี้มันตอบไม่ได้เป็นเรื่อง sensitive ทั้งบริษัทเขาและบริษัทเราก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน ไป comment อีกบริษัทฯหนึ่งมันก็เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง วันนี้เราซื้อหรือไม่ซื้อหุ้น EMC หรือเปล่า ผมตอบยาก วันนี้เราอาจจะไม่ได้ซื้อ แต่พรุ่งนี้อาจจะซื้อก็ได้ มันพูดลำบาก"นายอรรถวิชญ์ กล่าว
นายอรรถวิชญ์ กล่าวอีกว่า "บริษัทฯจะลงทุนหุ้นตัวไหน เป็นเรื่องของนโยบายข้างในนะครับ ไม่สามารถแจ้งได้ว่าบริษัทฯจะลงทุนอะไร ยังไง เท่าไร ซึ่งบริษัทฯมีนโยบายลงทุนในหุ้นบ้าง แต่ก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ และบริษัทฯมีนโยบายที่ลงทุนในระยะสั้น ไม่ได้มีนโยบายลงทุนระยะยาว"
หุ้น BLISS อยู่ที่ 4.78 บาท เพิ่มขึ้น 0.34 บาท หรือ +7.66% มูลค่าการซื้อขาย 148.32 ล้านบาท เมื่อเวลา 16.33 น.โดยเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาในวันนี้ โดยเช้านี้มีกระแสข่าวว่านายโกมล วงศ์พรเพ็ญภาพ กรรมการผู้จัดการ EMC ขายหุ้นล็อตใหญ่ใน BLISS ท่ามกลางกระแสความขัดแย้งระหว่างนายชนะชัย ลีนะบรรจง ประธานกรรมการ EMC และทีมผู้บริหารชุดเดิม
*คาดยอดขายทั้งปีได้ตามเป้า/หวังเลือกตั้งช่วยกระตุ้นช่วงปลายปี
กรรมการผู้จัดการ BLISS กล่าวว่า รายได้ของบริษัทในปีนี้น่าจะทำได้ใกล้เคียงกับที่ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 6-7 พันล้านบาท เพราะขณะนี้ธุรกิจยังไปได้เรื่อย ๆ ยังไม่ได้มีอะไรเป็นที่น่าวิตก แม้ว่าบริษัทฯจะรับผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัวลงบ้าง แต่ยอดขายในขณะนี้ก็มีเข้ามาประมาณ 50% ของเป้าหมายทั้งปีแล้ว
ส่วนเรื่องของพันธมิตรทางธุรกิจก็มีความคืบหน้าไปบ้าง แต่ขอให้มีความชัดเจนก่อนจะเปิดเผยข้อมูล
"บริษัทฯก็ยอมรับนะว่าได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้การจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคลดลง แต่ผลกระทบนี้ไม่ใช่ทำให้ยอดขายลดลง แต่กระทบในส่วนลูกค้าซื้อสินค้าในราคาต่ำลงเท่านั้นเอง ลูกค้าก็ไม่ฟุ่มเฟือยที่จะซื้อเครื่องราคาแพงเหมือนสมัยก่อน ลูกค้าหันมาซื้อเครื่องราคาต่ำหน่อย แต่บริษัทฯก็ยังสามารถรักษายอดขายได้ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ แค่นี้ก็โล่งอกแล้ว"
นายอรรถวิชญ์ กล่าวว่า บริษัทคาดหวังว่าในช่วงไตรมาส 4/50 ที่จะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นใน 23 ธ.ค.คาดว่าจะทำให้ยอดขายมีเพิ่มมากขึ้นราว 20% จากเป้าที่ตั้งไว้ไตรมาสละ 1.2-1.5 พันล้านบาท
"โอกาสเป็นไปได้สูงที่ยอดขายจะเติบโตในช่วงที่มีการเลือกตั้ง เพราะเลือกตั้งเงินจะสะพัด ส่วนมากคนมีเงินจะเปลี่ยนของใช้อะไรใหม่ ๆ เขาก็ได้เงินจากสะพัดมาซื้อกัน แต่ก็ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงอีกไหม ซึ่งก่อนเลือกตั้งก็จะดีขึ้นแล้ว อย่างช่วงต้นเดือนธันวาคมก็จะดีขึ้นแล้ว ก็หวังไว้เยอะ หวังว่าจะช่วยได้เยอะ"นายอรรถวิชญ์ กล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--