นางสาววราลักษณ์ งามจิตรเจริญ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ซิก้า อินโนเวชั่น (ZIGA) เปิดเผยว่าภาพรวมการดำเนินธุรกิจในปี 64 ยังคงเป้าเติบโตที่ 15-20% จากปีก่อนที่มีรายได้ 996 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯ เน้นทำตลาดแบบนิช มาร์เก็ต (Niche Market) เจาะกลุ่มลูกค้าแบบ B2C พร้อมเพิ่มช่องทางขายสินค้าผ่านออนไลน์รองรับความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ยังจับมือกับพันธมิตรไดนาสตี้ ไทล์ทอป เพื่อขยายสาขารูปแบบแฟรนไชส์ 60 สาขาในปีนี้ นอกจากนี้ยังตั้งเป้าขยายสาขาเพิ่มเป็น 120 สาขา ในปี 65 ด้วย ซึ่งคาดว่าจะสามารถเพิ่มในส่วนอัตรากำไรให้บริษัทได้
"บริษัทคาดว่าปีนี้จะสามารถสร้างการเติบโตจากการเพิ่มขึ้นของสัดส่วนต่างๆ ทั้งท่อเหล็กโครงสร้าง ZIGA เพิ่มจากเดิม 10%, Outlet เพิ่มขึ้น 10% และเพิ่มจากยอดขายออนไลน์ 5% ส่วนท่อร้อยสายไฟ DAIWA คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 5%" นางสาววราลักษณ์ กล่าว
ด้านกำลังการผลิตของปีนี้มีถึง 120,000 ตัน จากในปี 63 ที่มีกำลังผลิต 110,000 ตัน โดยปีนี้มีกำลังเพิ่มขึ้น 10% จากผลิตภัณฑ์ Water Pipe ทั้งนี้เพื่อรองรับการเติบโตจึงเตรียมเปิดออฟฟิศใหม่ในปีนี้ รวมถึงการเพิ่มบุคลากรเพื่อรองรับการสร้างคอมมูนิตี้ทั้งแบบออนไลน์ และออฟไลน์ด้วย อย่างไรก็ตามบริษัทมีเงินทุนหมุนเวียนสูงกว่า 278 ล้านบาท และมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดอยู่ที่ 197 ล้านบาท
สำหรับแผนการดำเนินงานปี 64 บริษัทเน้นเจาะตลาดแบบ B2C ด้วยการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าผ่านออนไลน์มากขึ้น รวมถึงวางกลยุทธ์ในการดำเนินงานให้สามารถเชื่อมต่อกับลูกค้า ทั้งการสร้างคอมมูนิตี้ และการให้ความรู้ผ่านช่องทางออนไลน์ นอกจากนี้ยังมีแผนเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ท่อ flex และ water pipe ที่มีแผนออกสินค้าช่วงกลางปีนี้ ขณะเดียวกันยังคงเน้นงานโครงการที่มีขนาดใหญ่มากขึ้น เช่นห้างสรรพสินค้า และคอนโดด้วย
นางสาววราลักษณ์ กล่าวถึงภาพรวมอุตสาหกรรมว่า สำหรับแนวโน้มอุตสาหกรรมก่อสร้างปีนี้มีโอกาสฟื้นตัว อยู่ที่ 4.5-5% โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนจากการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) และคาดว่าความต้องการใช้ของเหล็กจะมีปริมาณอยู่ที่ 17.5 ล้านตัน
นางสาวฐิติพร เขียวยวง ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงิน ZIGA เปิดเผยผลประกอบการปี 63 ว่าบริษัทมีรายได้รวมทั้งหมด 996 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการขาย 973 ล้านบาท และรายได้อื่นๆ 23 ล้านบาท โดยมีรายได้จาก ZIGA สัดส่วน 88% อยู่ที่ 847 ล้านบาท และจาก DAIWA สัดส่วน 12% อยู่ที่ 117 ล้านบาท ด้านกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 20.57% สืบเนื่องจากบริษัทได้รับเงิน IPO ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 117.71 ล้านบาท