นายอังกฤษ รุ่งโรจน์กิติยศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พี.ซี.เอส.แมชีน กรุ๊ปโฮลดิ้ง (PCSGH) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าผลการดำเนินงานปี 64 จะเติบโตกว่าปีก่อนที่มีรายได้รวม 3,992.8 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 253 ล้านบาท เป็นไปตามอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ฟื้นตัวดีขึ้น โดยคาดการณ์ว่าประเทศไทยจะมียอดผลิตรถยนต์ในปีนี้ที่ 1.5 ล้านคัน จากปีก่อนอยู่ที่ 1.42 ล้านคัน และยังคงดำเนินการลดค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ บริษัทยังมีรายได้จากการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้า (EV) เข้ามาเพิ่มเติม โดยปีนี้วางเป้าหมายมีสัดส่วนรายได้มากกว่า 30% ของรายได้รวม ซึ่งที่ผ่านมา PCSGH ก็ได้มีการทำแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี (ปี 63-67) ผ่านมาแล้ว 1 ปี เหลืออีก 4 ปี ในปีนี้บริษัทจะยังคงมุ่งเน้นการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในเป็นหลัก เนื่องด้วยปัจจุบันยังมีความต้องการมากอยู่จนกว่าจะเปลี่ยนแปลงไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) โดยวางเป้าหมายจะมีสัดส่วนรายได้จากการผลิตชิ้นส่วน EV เพิ่มเป็น 52% ในปี 68 ส่วนที่เหลือจะเป็นรายได้จากชิ้นส่วนรถยนต์ที่ไม่ใช่ EV
"เนื่องจากเทรนด์ของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังมา บริษัทฯ ก็ได้เริ่มทำธุรกิจของรถยนต์ไฟฟ้าแล้ว ซึ่งด้วยความสามารถของ PCSGH ก็ถือว่ามีความพร้อมในการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้าในหลายส่วน เช่น การลดน้ำหนักของตัวรถ โดยเปลี่ยนวัสดุหนักจากเหล็กให้กลายเป็นวัสดุเบาอลูมิเนียม เป็นต้น ซึ่งบริษัทฯ สามารถขยับไปสู่รถยนต์ไฟฟ้าได้ และเพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง ก็เล็งเห็นว่าสินค้าของบริษัทฯ ในกลุ่มที่ไม่ใช่บิ๊กอัพ, ยานยนต์, เครื่องยนต์ และอื่นๆ ก็ยังคงให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง" นายอังกฤษ กล่าว
พร้อมกันนี้บริษัทยังมีแผนลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อรองรับโปรเจ็คต์ EV ที่น่าจะเริ่มผลิตได้ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า คาดว่าจะสามารถอนุมัติงบลงทุนได้ในช่วงกลางปีนี้ ขณะที่งบลงทุนอื่นๆ ในปีนี้วางงบไว้ราว 200 ล้านบาทเพื่อใช้ในการพัฒนาระบบ Smart Factory ในเรื่องของดิจิทัลทรานฟอร์เมชั่น
นายอังกฤษ กล่าวว่า ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/64 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 1/64 ที่ฟื้นตัวดีขึ้นจากไตรมาส 4/63 เป็นไปตามอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งลูกค้ายังมีความต้องการผลิตรถยนต์อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งเมื่อปลายเดือนมี.ค.64 ที่ผ่านมา ลูกค้าก็มีการยกระดับคำสั่งซื้อสูงขึ้น ทำให้มองว่ายอดขายน่าจะเติบโตได้ตามเป้า หรือเกินเป้าหมายได้