นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.กรุงไทย ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะอ่อนตัวลงต่อได้อีก จากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศที่จำนวนผู้ติดเชื้อมีการเร่งตัวขึ้น ซึ่งยังต้องติดตามต่อไปว่าจะเพิ่มขึ้นอีกมากแค่ไหน โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสงกรานต์ หากยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องก็มีโอกาสที่ดัชนีฯจะปรับตัวลงได้อีก
แต่ในทางกลับกันหากวันนี้ดัชนีฯสามารถพลิกกลับ หรือยืนได้ไม่หลุดแนว 1,550 จุดก็มีโอกาสเด้งกลับ เนื่องจากสัญญาณทางเทคนิคจะไม่ลงลึก แต่ถ้าหลุดแนวดังกล่าวก็จะมีแนวรับถัดไปที่ 1,530 จุด ขึ้นอยู่กับการประเมินว่าสถานการณ์จะแพร่ระบาดไปมากแค่ไหน โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,565-1,570 จุด
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะอ่อนตัวลงเล็กน้อยจากแรงขายทำกำไรหลังขึ้นไปมากในช่วงก่อนหน้านี้
นายถนอมศักดิ์ แนะนำให้ติดตามจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศ และวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าที่ยังเป็นปัญหาอยู่ ซึ่งไทยจะได้รับผลกระทบมาก
ส่วนการรายงานผลประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลาสหรัฐ (FOMC) ก็ยังไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายไปจากเดิม แต่ยังต้องจับตาการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯที่ตลาดคาดว่าจะออกมาดี และของไทยด้วย ซึ่งตลาดฯมองว่าจะออกมาไม่ดี ทำให้ช่วงนี้ตลาดบ้านเราไม่ค่อยเห็นประเด็นบวกมาช่วย เตือนระวังหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว และหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ Sentiment ของตลาดฯ
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (7 เม.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,446.26 จุด เพิ่มขึ้น 16.02 จุด (+0.05%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,079.95 จุด เพิ่มขึ้น 6.01 จุด (+0.15%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,688.84 จุด ลดลง 9.54 จุด (-0.07%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 12.14 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 54.91 จุด และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 70.68 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (7 เม.ย.) 1,556.56 จุด ลดลง 23.10 จุด (-1.46%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 3,017.12 ล้านบาท เมื่อวันที่ 7 เม.ย.64
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (7 เม.ย.) ปิด 59.77 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 44 เซนต์ หรือ 0.7%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (7 เม.ย.) อยู่ที่ 2.41 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.40 แนวโน้มอ่อนค่าจากกังวลโควิดระบาดในปท. กรอบวันนี้ 31.35-31.50
- โควิดไทยระบาดใหญ่อีกครั้ง แบ่ง 2 สาย "นราธิวาส" สายพันธุ์มาเลเซีย ส่วนสถานบันเทิง กทม.เป็นสายพันธุ์อังกฤษ ยอดติดเชื้อใหม่รายวัน พุ่ง 334 ราย 27 จังหวัด เฉพาะ กทม. 216 ราย กลุ่มก้อนสถานบันเทิงกระจายไปแล้ว 18 จังหวัด สธ.หวั่นสงกรานต์อาจพุ่งแตะหลัก 1,000 รายต่อวัน ด้านกลุ่มเสี่ยงสถานบันเทิงแห่ตรวจโควิดโรงพยาบาลเอกชนทะลัก รมช.สธ.ยอมรับไทยเจอ โควิดระบาดรอบ 3
- นายกฯ ยันไม่มีมาตรการปิดทั่วประเทศเหตุยังรับมือได้ มอบอำนาจจังหวัดพิจารณาปิดสถานที่ตามจำเป็นพร้อมสั่งตั้ง "รพ.สนาม" ใน กทม.รองรับระบาดยอมรับกังวลคลัสเตอร์ใหม่ แต่อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด พร้อมยืนยันเป้าหมายจีดีพีโตไม่ต่ำกว่า 4% "ศักดิ์สยาม" ขึ้นแท่นรมต.รายแรกติดโควิด ศบค.ชุดเล็ก ล้มแผนยกระดับจัดโซนสีแดง ให้ สธ.-มท.ดำเนินการแทน
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยรายงานนโยบายการเงิน ฉบับเดือนมีนาคม 2564 โดยระบุว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประเมินภาพเศรษฐกิจไทยโดยรวมว่า มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องในปี 2564 อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้ายังมีความไม่แน่นอนและมีความเสี่ยงที่จะต่ำกว่าประมาณการการขยายตัวที่ 3% ในปีนี้จาก 1.การทยอยเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติของไทยอาจล่าช้าออกไป เนื่องจากข้อจำกัดในการกระจายวัคซีนป้องกันโควิด 2.แรงกระตุ้นจากภาครัฐอาจน้อยกว่าคาด หากการอนุมัติโครงการภายใต้ พ.ร.ก.กู้เงินฯ ที่เหลือล่าช้า 3.ฐานะทางการเงินของภาคธุรกิจอาจได้รับผลกระทบจนต้องปิดกิจการ ทำให้จำนวนผู้ว่างงานเพิ่มขึ้น โดยธุรกิจและแรงงานจะกลับมาฟื้นตัวได้ช้าแม้การระบาดสิ้นสุดลง และ 4.อัตราการผิดนัดชำระหนี้ของภาคธุรกิจและครัวเรือนอาจเพิ่มสูงขึ้นมากหลังมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้สิ้นสุดลง
- นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ครั้งล่าสุดได้สร้างความกังวลให้กับภาคเอกชนมากกว่าระลอกที่แล้ว เนื่องจากเป็นการติดเชื้อในกลุ่มผู้บริหารระดับสูง กลุ่มที่ต้องพบปะผู้คนมากมาย ส่งผลให้เชื้อกระจายได้อย่างรวดเร็วและควบคุมได้ยาก ไม่เหมือนกรณีที่แพร่ระบาดในกลุ่มแรงงานต่างด้าว ซึ่งสามารถจำกัดบริเวณและเดินหน้าเชิงรุกหาเชื้อพร้อมทั้งระงับการกระจายได้ง่ายกว่าและยอมรับว่ามีผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ที่คาดการณ์ว่าจะฟื้นได้ในไตรมาส 3 นี้ แต่มาถึงตอนนี้ต้องใช้เวลาประเมินสถานการณ์ใหม่อีก 2 สัปดาห์
*หุ้นเด่นวันนี้
- TQM (เคจีไอ) "เก็งกำไร"เป้า Consensus 150.7 บาท รับ Sentiment บวกจากการแพร่ระบาดโควิด-19 รอบล่าสุด โดยคาดความต้องการทำประกันโควิด-19 จะเพิ่มขึ้น โดยคาดประมาณการฯใน Bloomberg มี Upside จากการซื้อกิจการเพิ่มเติมเร็ว ๆ นี้ ทั้งนี้ Consensus คาดกำไรโตเฉลี่ย +28% CAGR 2563 -66
- EPG (เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 11.50 บาท คาดยอดขายของธุรกิจ Aeroflex, Aeroklas และ EPP ฟื้นตัว โดยเฉพาะธุรกิจ Aeroklas ที่ฟื้นตัวเด่นรับอุตสาหกรรมยานยนต์ ด้านยอดส่งออกยานยนต์และชิ้นส่วนไทย เดือน มกราคม-กุมภาพันธ์ เติบโต 27%YoY, 4%YoY ตามลำดับ สะท้อนภาพอุตสาหกรรมไทยที่ฟื้นตัว พร้อมประเมินกำไรสุทธิ ปี 2564-2565 ที่ 1.14 พันลบ. และ 1.37 พันลบ. +14%YoY, 20%YoY ตามลำดับ
- BCH (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 20 บาท คาดกำไร Q1/64 ที่ 330 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19%qoq และ 27 %yoy มาจากรายได้การตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้น โดย BCH มีส่วนแบ่งในการตรวจคัดกรองมากที่สุดที่ 120,000 ครั้งในช่วง Q1/64 ที่ ผ่านมา