บมจ.ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ (WP) ร่วมมือกับ วันเดอร์ฟู้ด อินเตอร์เนชันแนล ผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหารแนวสตรีทฟู้ดระดับพรีเมียม ได้แก่ ผัดไทยไฟทะลุ, ข้าวซอย Hungry Rabbit, ร้านอาหาร Hyper Fine Dining ระดับมิชลินสตาร์ 1 ดาว ในชื่อ Table 38 และ Pi Kun (ปีกุน) ดันธุรกิจอาหารแบบครบวงจรเติบโตก้าวกระโดด โดยตั้งเป้าสร้างผลกำไรปีละกว่า 10% ของกำไรรวมของบริษัท และสร้างการเติบโตเป็น 20% ภายใน 5 ปีหรือภายในปี 68 วางงบลงทุนไว้กว่า 50 ล้านบาทในการขยายธุรกิจอาหาร
นางสาวชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร WP เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมขยายธุรกิจอาหารวันเดอร์ฟู้ด ทั้งการเปิดสาขาเพิ่ม การทำแฟรนไชส์ การผลิตและจำหน่ายเครื่องปรุง เพื่อเป็นการบริหารความเสี่ยง และสร้างการเติบโตของธุรกิจอย่างก้าวกระโดด โดยปีนี้ได้มีการขยายธุรกิจร้านอาหารเปิดร้านใหม่ 2 ร้าน คือ ร้านผัดไทยไฟทะลุ และร้านข้าวซอย Hungry Rabbit สาขาสยามสแควร์ คาดว่าทั้งสองร้านนี้จะสามารถสร้างรายได้กว่า 60-70 ล้านบาท และจะสามารถสร้างกำไรได้กว่า 5-10 ล้านบาท
ด้านนายนพวงศ์ โอมาธิกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการเงินและบริหารองค์กร WP กล่าวว่า สำหรับร้านผัดไทยไฟทะลุ บริษัทมีแผนเตรียมขยายสาขาไปในคิง พาวเวอร์ โดยจะเป็นการทดลองเปิดก่อน และในเดือนก.ค.นี้ จะมีการรวมสาขาแรก ผัดไทยไฟทะลุ ถนนดินสอ เข้ามาส่งผลให้ปีนี้มีสาขาทั้งหมด 3 สาขา คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้กว่า 30% ของรายได้รวมทั้งหมด
นอกจากนี้ยังมีแผนผลิตและจำหน่ายเครื่องปรุงรสในการประกอบอาหารส่งออกไปยังต่างประเทศ โดยเป็นการรับจ้างผลิต (OEM) ให้กับโรงงานหรืออาจมีการร่วมลงทุน (JV) กับธุรกิจอื่นๆ คาดว่าจะสามารถเห็นความชัดเจนได้ในช่วงกลางปี 65 ส่วนร้านข้าวซอย Hungry Rabbit คาดว่าจะสร้างรายได้อยู่ที่ 10% ของรายได้รวมทั้งหมด
"ทั้งร้านผัดไทย และร้านข้าวซอย ยังคงมีแผนในการขยายแฟรนไชส์ไปยังต่างจังหวัด และต่างประเทศ แต่ต้องรอดูสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 และจำนวนนักท่องเที่ยวก่อน คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ภายใน 1-2 ปีนี้ สำหรับปีนี้จะเน้นการดำเนินงานที่ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการ Value Chain ทำร้านอาหารให้มีคุณภาพ และมีระบบโลจิสติกที่ครบวงจรก่อน" นายนพวงศ์ กล่าว
ด้านร้านอาหารอีสานสไตล์ฟิวชั่น ปีกุล คาดว่าจะมีการเปิดดำเนินการในช่วงปลายเดือน เม.ย.นี้ ส่วนแบรนด์ที่มีแผนจะเปิดตัวในปีนี้อย่างร้านอาหารผัดซีอิ๊วจะมีการเลื่อนออกไปก่อน ขณะที่จะให้ความสำคัญกับธุรกิจ Table 38 patisserie ร้านขายครัวซองต์ที่มีผลตอบรับที่ค่อนข้างดีแทน โดยคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 40% รวมถึงในปีนี้ได้มีการร่วมมือกับทางพาร์ทเนอร์เพื่อขยายสาขาออกไปกว่า 40 สาขาด้วย
ทั้งนี้ บริษัทยังมีแผนการต่อยอดธุรกิจโดยการรับจัดอีเวนต์ และยังอยู่ระหว่างการพัฒนาต่อยอดอาหารที่มีส่วนผสมจากกัญชาประกอบกับยังมีแผนร่วมลงทุน (JV) กับร้านอาหารแบรนด์อื่นๆ เพิ่ม ขณะเดียวกันก็มีแผนจะพัฒนา Chain ร้านอาหารด้วยตัวเองหรืออาจมีการร่วมทุนกับธุรกิจที่ประกอบกิจการร้านอาหารทั้งอาหารคาว และอาหารหวาน ซึ่งปัจจุบันมีการเจรจาแล้ว 2-3 ราย อย่างไรก็ดีในอนาคตบริษัทฯ ตั้งเป้าจะนำบริษัทย่อยออกจากบริษัทแม่ (Spin off) เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายใน 2-3 ปีนี้
นายนพวงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 1/64 คาดลดลงเล็กน้อยจากเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ว่าจะทำได้ดี เทียบเท่าครึ่งปีหลังของปีก่อน เนื่องจากประสบปัญหาการระบาดของโควิด-19 แต่ทางบริษัทฯ ยังคงดำเนินธุรกิจได้ดีเนื่องจากมีแผนการดำเนินงานที่พร้อมปรับตัวไปตามสถานการณ์ โดยเฉพาะธุรกิจอาหาร บริษัทฯ ก็มีการขยายดิลิเวอรี่ไปร่วมกับพันธมิตรอื่นมากขึ้น จากปัจจุบันมีเพียง Grab
แผนการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทฯ ยังคงขยายความเชี่ยวชาญไปยังธุรกิจอื่นนอกเหนือจากธุรกิจพลังงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดความเสี่ยงทางธุรกิจจากเดิมที่พึ่งพาธุรกิจ LPG เพียงอย่างเดียว เช่น ธุรกิจอาหาร ที่คาดว่าจะสามารถสร้างกำไรได้กว่า 10 ล้านบาท ขณะที่ธุรกิจ LPG ปัจจุบันสามารถสร้างรายได้อยู่ที่ 10,000 ล้านบาท สร้างกำไรได้ที่ 200 ล้านบาท