นางสาวนิตา ตรีวีรานุวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ทาคูนิ กรุ๊ป (TAKUNI) เปิดเผยว่า รายได้ของธุรกิจในปีนี้คาดว่าจะเติบโตขึ้นจากปี 63 เนื่องจากแนวโน้มของบมจ.บริษัท ซี เอ แซด (ประเทศไทย) (CAZ) ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในอุตสาหกรรม Oil&Gas จะเติบโตขึ้น 20-30% จากปีก่อน จากการรับรู้รายได้ของงานในมือ (Backlog) เข้ามาต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 1/64 จะมีการรับรู้รายได้เข้ามาราว 900 ล้านบาท จาก Backlog ที่มีอยู่กว่า 4 พันล้านบาท และยังมีการรับรู้รายได้ต่อเนื่อง ทำให้ผลบงานของ CAZ ยังเติบโตต่อเนื่อง และเป็นธุรกิจหลักของบริษัทที่มีสัดส่วนรายได้มากที่สุด 70% ของรายได้รวมทั้งหมด และส่วนที่เหลืออีก 30% เป็นรายได้ที่มาจากธุรกิจในเครือของบริษัท
"แม้ว่า CAZ จะมีงานมาก แต่ต้องติดตามสถานการณ์โควิด-19 ที่ระบาดมาต่อเนื่องอีกรอบ เพราะส่งผลกระทบให้เราไม่สามารถเข้าทำงานให้กับลูกค้าได้ตามปกติ หากสถานการณ์โควิด-19 ยังระบาดเพิ่มขึ้น และต้องรอเข้าสู่ภาวะปกติ ทำให้มีความเสี่ยงในการที่บางงานอาจจะส่งมอบงานล่าช้าไปบ้าง"นางสาวนิตา กล่าว
ส่วนธุรกิจจัดหาจำหน่ายและขนส่งก๊าซ LPG ธุรกิจติดตั้งระบบก๊าซในรถยนต์และระบบท่อก๊าซอุตสาหกรรมคาดจะทรงตัวจาก ปีก่อน ส่วนหนึ่งมาจากผลกระทบของโควิด-19 ที่ต่อเนื่องมา ทำให้ภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของบริษัทยังมีการชะลอตัวอยู่บ้าง กระทบต่อธุรกิจดังกล่าว แต่ถือว่ายังไม่มีผลกระทบที่ส่งผลอย่างมมีนัยสำคัญต่อภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัท และธุรกิจบริการทดสอบและตรวจสอบด้านความปลอดภัยทางวิศวกรรม ปัจจุบันเริ่มมีงานรอส่งมอบให้กับลูกค้าแล้ว และเริ่มทยอยส่งมอบงานให้กับลูกค้าในปีนี้ ซึ่งคาดว่าจะมีรายได้เข้ามาราว 80 ล้านบาท
ด้านธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย คือ บริษัทเอ็กซ์แซคท์ เรียล เอสเตท ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง บริษัท เอซ เอสเตท กรุ๊ป จำกัด 60% และ TAKUNI 40% ซึ่งปัจจุบันได้มีการเปิดขายโครงการแนวราบ ทวี เพชรเกษม-กาญจนาภิเษก มูลค่า 890 ล้านบาท จำนวน 61 ยูนิต ได้ขายไปแล้ว 48 ยูนิต ซึ่งจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้เข้ามาในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ หลังจากที่โครงการแรก คือ โครงการคูณ ราชพฤกษ์ มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท ได้ขายหมดและรับรู้รายได้เข้ามาแล้ว