นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะรีบาวด์หลังจากวานนี้ปรับลงแต่ไม่หลุด 1,550 จุด และดีดตัวกลับขึ้นมาได้เล็กน้อยเป็นสัญญาณบวก อีกทั้งตลาดหุ้นทั่วโลกยังมีทิศทางปรับขึ้นได้ และดัชนี S&P500 ขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่มา 2 วัน รวมถึงรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าเฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับต่ำ
นอกจากนี้ นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดกล่าวในการประชุมกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) วานนี้ว่าการใช้จ่ายที่พุ่งขึ้นของสหรัฐขณะเปิดเศรษฐกิจครั้งใหม่ แต่จะไม่ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) สหรัฐฯปรับตัวลง และเงินดอลลาร์สหรัฐฯก็อ่อนค่าลงด้วย น่าจะเป็นผลดีต่อตลาดหุ้นได้
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบคละกัน แต่การรีบาวด์ของตลาดบ้านเราอาจยังจำกัดเนื่องจากยังมีความกังวลสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อเร่งตัวขึ้นช่วงก่อนวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ ทำให้นักลงทุนคงจะชะลอการลงทุน
อย่างไรก็ดี ให้ติดตามการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.วันนี้จะมีการออกมาตรการเพิ่มเติมหรือไม่ และติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของจีน พร้อมให้แนวรับ 1,550-1,540 จุด ส่วนแนวต้าน 1,565-1,570 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (8 เม.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,503.57 จุด เพิ่มขึ้น 57.31 จุด (+0.17%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,097.17 จุด เพิ่มขึ้น 17.22 จุด (+0.42%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,829.31 จุด เพิ่มขึ้น 140.47 จุด (+1.03%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 7.11 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 156.55 จุด และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 144.37 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (8 เม.ย.)1,558.83 จุด เพิ่มขึ้น 2.27 จุด (+0.15%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 349.54 ล้านบาท เมื่อวันที่ 8 เม.ย.64
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (8 เม.ย.) ปิด 59.60 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 17 เซนต์ หรือ 0.3%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (8 เม.ย.) อยู่ที่ 2.23 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.38 แข็งค่าจากวานนี้หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯกดดอลลาร์อ่อน
- เช้านี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) พิจารณามาตรการ ปิดสถานบริการ สถานประกอบการที่มีลักษระคล้ายสถานที่บริการสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ และสถานประกอบการกิจการ อาบ อบ นวด ใน 41 จังหวัด เป็นเวลาอย่างน้อย 14 วัน ตามที่ศูนย์ปฏิบัติการบริหารสถานการณ์โควิด-19 กระทรวงสาธารณสุข (ศปก.สธ.) เสนอ
- ทีดีอาร์ไอ ห่วงโควิดระลอกใหม่กระทบเศรษฐกิจหนัก แนะรัฐจัดแผนเยียวยากลุ่มร้านค้า หาบเร่ แผงลอย ผู้มีรายได้น้อย 30 ล้านคน คาดใช้เงิน 4 แสนล้าน หนุนกู้เงินเยียวยาพ่วงลงทุนเมกะโปรเจค 2.4 ล้านล้าน สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด เสนอใช้เงินกู้ที่เหลือ 20% ให้ตรงเป้า ม.หอการค้า ชี้จับจ่ายหายเดือนละ 3-5 หมื่นล้านบาท
- นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้นักลงทุนต่างชาติเริ่มมั่นใจในตลาดหุ้นไทยมากขึ้นเห็นได้จากช่วงเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ต่างชาติขายออกสุทธิลดลงอยู่ที่ 87 ล้านบาทเท่านั้น ส่งผลให้ไตรมาสแรกปี 64 นี้ ต่างชาติขายออกสุทธิรวม 29,370 ล้านบาท สอดคล้องกับข้อมูลการถือครองหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติช่วง 10 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่ปี 54-63 พบว่ามีมูลค่าเพิ่มขึ้น 68% โดยมีการขายสุทธิรวมที่ 850,000 ล้านบาท แม้ปัจจุบันจะมีสัดส่วนการถือครองลดจาก 30% ในช่วง 5 ปีก่อนเหลือ 27-28% จากมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด แต่หากเปรียบเทียบมูลค่าการซื้อขาย ณ วันนั้นอยู่ที่ 10-12 ล้านล้านบาท แต่วันนี้อยู่ที่ 16-18 ล้านล้านบาท
- นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ยอดการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติทั่วประเทศในปี 63 มีทั้งสิ้น 8,285 หน่วย ลดลงจากปีก่อนหน้า 35.3% และมีมูลค่า 37,716 ล้านบาท ลดลง 25.5% จากปี 62 โดยสาเหตุที่ชาวต่างชาติโอนซื้อที่อยู่อาศัยในไทยลดลง มาจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด ตั้งแต่ปลายเดือน มี.ค.63 และมีการล็อกดาวน์เดินทางเข้า-ออกประเทศ จนทำให้ชาวต่างชาติซื้อห้องชุด คอนโดมิเนียมลดน้อยลง โดยยอดไตรมาส 2 เหลือเพียง 1,162 หน่วย ลดลงไปถึง 61.1% แต่ต่อมา ในไตรมาสที่ 3-4 สถานการณ์เริ่มดีขึ้น หลังผู้ประกอบการพยายามช่วยให้ผู้ซื้อชาวต่างชาติสามารถทำการรับโอนกรรมสิทธิ์ได้
- นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เผยว่า จากการระบาดของโควิด-19 รอบ 3 ขณะนี้ ททท.คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อรายได้การท่องเที่ยวในช่วงหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ 6 วัน ตั้งแต่วันที่ 10-15 เม.ย.64 จากเดิมเคยคาดการณ์ว่าจะฟื้นตัวค่อนข้างดี สร้างรายได้สะพัดกว่า 12,000 ล้านบาททั่วประเทศ แต่จากสถานการณ์ล่าสุด ททท.คาดว่าจะมียอดยกเลิกการเดินทาง 20% ทำให้รายได้การท่องเที่ยวในช่วงสงกรานต์นี้หายไป 20% เช่นกัน หรือคิดเป็นสูญรายได้ 2,400 ล้านบาท คงเหลือรายได้สะพัด 9,600 ล้านบาท
- ธปท.เตรียมต่อเวลา "มหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้" ไปจนถึงเดือน มิ.ย. จ่อเพิ่มไกล่เกลี่ยสินเชื่อเช่าซื้อ สินเชื่อกู้ยืม กยศ. รวมทั้งไกล่เกลี่ยหนี้รายสถาบัน จากเดิมช่วยเฉพาะหนี้บัตรเครดิต และสินเชื่อบุคคล โดยช่วงที่ผ่านมามีลูกหนี้สมัครรับไกล่เกลี่ยหนี้ จำนวนมากกว่า 4 แสนรายการ
*หุ้นเด่นวันนี้
- CPF (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 42.2 บาท ได้ Sentiment บวกเงินบาทอ่อนค่า ด้านผลประกอบการคาดกำไรสุทธิ Q1/64 เติบโตต่อเนื่องรับอานิสงส์ราคาหมูในไทยและเวียดนามยังทรงตัวในระดับสูงรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก CTI ในประเทศจีนเข้ามาเต็มไตรมาส
- SCC (เคจีไอ) "เก็งกำไร"เป้าพื้นฐาน 484 บาท ประเมินกำไร Q1/64 = 1.15 หมื่นล้านบาท (+65.4% YoY, +43.3% QoQ) จาก Spread ปิโตรเคมีที่ยืนสูงและกำไรสต๊อก ขณะที่ล่าสุดราคาน้ำมันดิบเริ่มพักฐาน คาดเป็นบวกต่อ Spread ใน Q2/64 ด้านสถานการณ์ Spread ปิโตรเคมีในเดือน เม.ย. ดีกว่าที่ฝ่ายวิจัยฯคาดไว้เดิม
- BGRIM (เคจีไอ) เป้าเชิงกลยุทธ์ 48.00 บาท ธุรกิจทางตรงไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ จากการระบากโควิด-19 แต่ราคาหุ้นถูกขายตามตลาดจึงเป็นโอกาสที่หายากในการเก็บหุ้นพื้นฐานดี ด้านโปรเจคโรงไฟฟ้าที่เวียดนามมีขนาดใหญ่ ส่วนโปรเจคอื่นใน pipeline ยังเป็นไปตามแผน คาดสิ้นปี 64 มีกำลังการผลิตติดตั้ง 2GW พร้อมประเมินกำไรสุทธิ ปี 64-65 ที่ 3 พันลบ. และ 3.37 พันลบ. +40%YoY, 11YoY ตามลำดับ