หุ้น SCC ราคาวิ่งขึ้น 2.57% มาอยู่ที่ 399 บาท เพิ่มขึ้น 10 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,007.09 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.04 น. โดยเปิดตลาดที่ 395 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 402 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 394 บาท
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) ราคาเหมาะสม 440.00 บาท จาก Valuation ของหุ้นที่ยังไม่แพง ปัจจุบันซื้อขายบน PBV 1.4 เท่า นับว่ามีส่วนลดจากค่าเฉลี่ยในอดีต 10 ปีเกือบ -2.0SD ต่ำสุดเมื่อเทียบกับหุ้นกลุ่มปิโตรเคมี (PTTGC IRPC IVL) ที่ซื้อขายช่วง -1.0SD ถึง เท่ากับค่าเฉลี่ย และราคาหุ้น +3% YTD Laggard ทั้ง SCGP และ SCCC ที่ +13% และ +20% ตามลำดับ
อีกทั้งหุ้นเป็นเป้าหมายของ Fund flow ต่างชาติ รวมทั้งยังเป็นหุ้นพื้นฐานแข็งแกร่ง ซึ่งพิสูจน์แล้วจากผลการดำเนินงานปี 2563 ที่สามารถรักษาระดับดีไว้ได้ ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 และยังมีปัจจัยรองรับการเติบโตในช่วง 2 ปีข้างหน้าจากการขยายกำลังผลิตโครงการปิโตรเคมี Longson ที่เวียดนาม 2.95 ล้านตัน (+55% จากปัจจุบัน) ช่วงกลางปี 2566) และการเติบโตของธุรกิจบรรจุภัณฑ์ตามกระแส E-commerce - M&A
ทั้งนี้ คาดงบไตรมาส 1/64 จะมีกำไรสุทธิ 1.1 หมื่นล้านบาท (+42% QoQ, +64% YoY) ผลักดันจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของธุรกิจปิโตรเคมี รวมทั้งได้ประโยชน์จากการปรับตัวขึ้นของราคาปิโตรเคมี - วัตถุดิบตามราคาน้ำมันดิบ ทำให้คาดว่าจะมีกำไรสินค้าคงคลัง 1.3 พันล้านบาท หากนับเฉพาะผลการดำเนินงานหลักคาดทำได้ 1.0 หมื่นล้านบาท (+22% QoQ, +17% YoY) โดย ธุรกิจปิโตรเคมีคาดขยายตัว QoQ และ YoY หนุนด้วยปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นจากทั้งอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง YoY และการผลิตที่กลับมาเป็นปกติ หลังผ่านการปิดซ่อมบำรุงโรงงานในไตรมาส 4/63 แล้ว
นอกจากนี้ ยังได้ประโยชน์จากส่วนต่างราคาปิโตรเคมีที่ปรับตัวขึ้นอย่างมากจากความต้องการใช้ที่ฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจ ท่ามกลางอุปทานที่ตึงตัวจากปัญหาการขนส่งในฝั่งตะวันตก โดยผลิตภัณฑ์หลักอย่าง HDPE ? Naphtha เฉลี่ยที่ US$588/ตัน (-1% QoQ, +47% YoY) PP ? Naphtha เฉลี่ยที่ US$808/ตัน (+10% QoQ, +48% YoY)
ด้านธุรกิจปูนซีเมนต์ และวัสดุก่อสร้างคาดลดลง YoY แต่ดีขึ้น QoQ จากฐานต่ำในไตรมาสก่อนเพราะมีเหตุการณ์น้ำท่วม, ยอดขายที่ดีขึ้นจากปัจจัยด้านฤดูกาล, และอัตรากำไรที่ทรงตัวเพราะมาตรการควบคุมต้นทุนการผลิต ส่วนธุรกิจบรรจุภัณฑ์คาดลดลง YoY แต่ดีขึ้น QoQ จากอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง, การรับรู้รายได้ของการเข้าซื้อกิจการ, และการเพิ่มขึ้นของราคาขายทำให้ชดเชยต้นทุนค่าขนส่งที่ปรับตัวขึ้นได้
หากไตรมาส 1/64 เป็นไปตามคาด กำไรสุทธิจะคิดเป็น 31% ของคาดการณ์ทั้งปี คงประมาณการปี 64 ที่ 3.7 หมื่นล้านบาท เติบโต +9% YoY