หุ้น SFLEX ราคาวิ่งขึ้น 4.20% มาอยู่ที่ 6.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท มูลค่าซื้อขาย 153.34 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.36 น. โดยเปิดตลาดที่ 6.00 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 6.30 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 6.00 บาท
บมจ.สตาร์เฟล็กซ์ (SFLEX) แจ้งว่า รายการซื้อขายหลักทรัพย์ Big Lot จำนวน 100,000,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 12.2 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัท ได้รับแจ้งว่าส่วนหนึ่งเป็นของนายปรินทร์ธรณ์ อภิธนาศรีวงศ์ ผู้ถือหุ้นใหญ่ได้ทำรายการจำหน่ายหุ้นที่ถืออยู่ 75,000,000 หุ้น คิดเป็น 9.14% ให้แก่ผู้ถือหุ้นโดยเฉพาะเจาะจง (Private Placement) โดยได้ทำการซื้อขายผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2564
-จำหน่ายให้แก่ BTS Group Holdings Public Company Limited จำนวน 50,000,000 หุ้นคิดเป็น 6.09% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัท
-จำหน่ายให้แก่ นายธีรพงศ์ จันศิริ จำนวน 20,000,000 หุ้น คิดเป็น 2.43% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัท
-จำหน่ายให้แก่ นายอนุฤทธิ์ เกิดสินธ์ชัย จำนวน 5,000,000 หุ้นคิด 0.60% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัท
ดังนั้น นายปรินทร์ธรณ์ จะถือหุ้นลดลงเหลือ 254,790,000 หุ้น คิดเป็น 31.07%
จากข้อมูลที่บริษัทฯ ได้รับแจ้งมาทราบว่า ยังไม่มีผู้ถือหุ้นรายใดมีหน้าที่ต้องดำเนินการตามหลักเกณฑ์ว่าด้วยการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ (Tender Offer) แต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ยืนยันว่าการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการถือหุ้นดังกล่าวไม่มีผลต่อโครงสร้าง คณะกรรมการบริษัท โครงสร้างคณะผู้บริหาร โครงสร้างการจัดการ โครงสร้างและนโยบายการดำนินธุรกิจของบริษัทแต่อย่างใด
ด้านบล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯมองว่า การซื้อขายครั้งนี้ น่าจะเป็นการเข้าลงทุนระยะยาวจากพื้นฐานธุรกิจของ SFLEX ที่มีความน่าสนใจ ประกอบกับราคาปัจจุบันยังไม่สะท้อนผลการดำเนินงานที่มีโอกาสเติบโตสูง โดยการเข้าลงทุนลักษณะนี้อาจมีโครงการร่วมกันได้ในอนาคตเชิงของ Strategic Partner ซึ่งเป็นกลยุทธ์การเติบโตอย่างหนึ่งของธุรกิจ แสดงให้เห็นว่า SFLEX มีความน่าสนใจในการเข้าลงทุน
พร้อมแนะ"ซื้อ"หุ้น SFLEX เพื่อลงทุนระยะยาว ราคา Fair Value ในกรอบ 7.50-7.75 บาทต่อหุ้น (อ้างอิงวิธี PER 30 เท่า และวิธี DCF) ณ ราคาปัจจุบันคิดเป็นระดับ Forward P/Eราว 23.6 เท่า ระดับ PEG ratio 0.5 เท่า ยังต่ำกว่า 1 มองเป็นหุ้น Undervalued
นอกจากนี้ ประกาศจ่ายเงินปันผลจำนวน 0.045บ ทต่อหุ้น XD วันที่ 19 เม.ย. 2564 ณ ราคาปัจจุบัน คิดเป็นผลตอบแทนจากอัตราเงินปันผลราว 0.75% ต่อปี
สำหรับมุมมองในเชิงปัจจัยพื้นฐาน ยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2564 และ ปี 2565 ที่ 207 ล้านบาท (+42.2%YoY) และ 264 ล้านบาท (+27.9%YoY) ตามลำดับ โดยประมาณการดังกล่าวไม่รวมการเติบโต Inorganic Growth หากมีโอกาส M&A ที่เหมาะสม ทั้งในและต่างประเทศ โดยดีลต่างประเทศอาจต้องรอคืบหน้าหลังพ้นโควิด