โบรกเกอร์ต่างแนะนำ "ซื้อ" หุ้นบมจ.ไดนาสตี้เซรามิค (DCC) เล็งไตรมาส 1/64 ยอดขายพลิกกลับมาเป็นบวกเมื่อเทียบกับไตรมาส 4/63 สะท้อนภาพฟื้นตัวมากขึ้น หลังจากปีก่อนได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ไปค่อนข้างมาก โดยยอดขายมีแนวโน้มโตราว 10-15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากความต้องการใช้กระเบื้องที่อั้นมาในปี 63 แม้ว่าราคาต้นทุนจะปรับตัวขึ้น แต่บริษัทได้ปรับเพิ่มราคาขายเพื่อชดเชยกับราคาต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทฯยังสามารถรักษามาร์จิ้นได้
ขณะที่แนวโน้มกำไรในปี 64 คาดว่าจะเติบโตได้ราว 3-5% จากปีก่อน ได้ปัจจัยหนุนจากเพิ่มสัดส่วนการขายกระเบื้องในกลุ่มพรีเมียมที่ให้มาร์จิ้นสูง และเป็นกลุ่มที่ลูกค้าให้การตอบรับเป็นอย่างดี อีกทั้งบริษัทยังมีสินค้ากระเบื้องในกลุ่มพรีเมียมใหม่ออกมาเพิ่มในปีนี้ ส่งผลให้บริษัทฯมีสัดส่วนยอดขายเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ DCC ยังน่าสนใจจากเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเงินปันผลในระดับสูงถึง 6-7.5%
หุ้น DCC ปิดเช้าที่ 2.84 บาท เพิ่มขึ้น 0.24 บาท (+9.23%) ขณะที่ดัชนี SET ปิดเช้า 10.72 จุด (+0.69%)
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) กสิกรไทย ซื้อ 3.30 ทิสโก้ ซื้อ 3.30 เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) ซื้อ 3.18 เอเซีย พลัส ซื้อ 3.15
นายประสิทธิ์ รัตนกิจกมล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า DCC เป็นหุ้นที่น่าสนใจในแง่การจ่ายเงินปันผลที่ดีให้กับนักลงทุน ซึ่งมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงถึง 7% ต่อปี แม้ว่าการขายกระเบื้องปูพื้นและกระเบี้องบุผนัง ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทยังคงมีแรงกดดันอยู่บ้างจากราคาพลังงานที่ปรับขึ้นกระทบต่อต้นทุนสินค้าของบริษัท แต่บริษัทได้มีการชดเชยในการปรับราคาขายเพิ่มขึ้น และมีการออกผลิตภัณฑ์กระเบี้องใหม่ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาที่เป็นผลิตภัณฑ์ที่ให้มาร์จิ้นสูง ทำให้ยังสามารถรักษาความสามารถในการทำกำไรได้ในไตรมาส 1/64
ขณะที่แนวโน้มยอดขายในไตรมาส 1/64 คาดจะทำได้เติบโตขึ้นราว 10-15% เมี่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งคาดว่าจะมาจากความต้องการใช้กระเบื้องในปีก่อนทื่อั้นมา ทำให้ในช่วงต้นปีมีความต้องการซื้อกระเบื้องกลับมามากขึ้น และแนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้นในปี 64 คาดว่าจะยังเติบโตขึ้นจากปีก่อน จากการที่บริษัทหันมาเน้นเพิ่มสัดส่วนสินค้าพรีเมียมที่ให้มาร์จิ้นสูงเป็น 25% จากปีก่อนที่ 22% ทำให้แนวโน้มกำไรในปีนี้จะเติบโตขึ้นได้ราว 4% จากปีก่อน
ด้านนายสรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย คาดว่า DCC ได้รับอานิสงส์จากความต้องการซื้อวัสดุก่อสร้างที่ชะลอตัวมาในปีก่อน ทำให้มีความต้องการสะสมมา และเริ่มมีการปรับปรุงซ่อมแซมที่อยู่อาศัยและอาคารต่างๆมากขึ้น ส่งผลให้ยอดขายฟื้นตัวกลับมาในไตรมาส 1/64 ในระดับที่สูงกว่า 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และคาดว่าจะมีตัวเลขยอดขายพลิกกลับมาเป็นบวกเมื่อเทียบกับไตรมาส 4/63 สะท้อนภาพของยอดขายที่ฟื้นตัวมากขึ้น หลังจากปีก่อนได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ไปค่อนข้างมาก
ขณะเดียวกันการขายสินค้าในกลุ่มพรีเมียมที่ให้มาร์จิ้นสูงเริ่มเห็นสัดส่วนยอดขายเพิ่มขึ้นมาในระดับ 20% และมีแนวโน้มจะเพิ่มมาแตะระดับ 25% ส่งผลบวกต่อกำไรจากการขายของบริษัทที่สูงขึ้น และบริษัทยังได้มีการปรับราคาขายสินค้ากระเบื้องบางกลุ่มเพิ่มอีก 3-5 บาท/ตารางเมตร เพื่อชดเชยกับต้นทุนสินค้าที่เพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทยังคงรักษากำไรไว้ได้ โดยที่ประเมินว่ากำไรของบริษัทในปีนี้แติบโต 5% จากปีก่อน อักทั้ง DCC ยังเป็นหุ้นที่มผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูงถึง 6-7%
ส่วนนายสุรชัย ประมวลกิจเจริญ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) คาดว่า ยอดขายของ DCC ในช่วงไตรมาส 1/64 จะเติบโตกว่า 10% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากความต้องการซื้อวัสดุก่อสร้างและกระเบื้องที่เข้ามามากขึ้นในช่วงต้นปีที่ผ่านมาที่ผ่านมา ช่วยหนุนยอดขายเองบริษัท อีกทั้งบริษัทยังมีรายได้เสริมเข้ามาที่เป็นรายได้ค่าเช่าในศูนย์จำหน่ายวัสดุก่อสร้างของบริษัทรวมกว่า 80,000 ตารางเมตร ช่วยสร้างรายได้เสริมเข้าราว 80-100 ล้านบาท ในปีนี้ ทำให้บริษัทมีรายได้เสริมมาจากรายได้จากการขาย
โดยในปี 64 ประเมินกำไรของบริษัทจะเติบโต 3% จากปีก่อน ซึ่งมีปัจจัยผลักดันจากการเติบโตกำไรจากเน้นขายกลุ่มสินค้ากระเบื้องพรีเมียมที่ให้มาร์จิ้นสูง และมีการออกสินค้าในกลุ่มดังกล่าวในปีนี้มากขึ้น ซึ่งแนวโน้มของลูกค้าที่ใช้สินค้ากระเบื้องพรีเมียมให้การตอบรับเป็นอย่างดี ทำให้สัดส่วนยอดขายสินค้าในกลุ่มดังกล่าวมีสัดส่วนยอดขายเพิ่มมาเป็น 20% ของยอดขายรวม และคาดว่าจะเพิ่มมาเป็น 25% ในปีนี้ ช่วยหนุนกำไรให้เติบโตขึ้น และ DCC ยังเป็นหุ้นที่มีผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ดีในระดับ 7.5% ต่อปี