นายกุลเชฎฐ์ ธาราจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการเงิน บมจ. เอสซีจี แพคเกจจิ้ง (SCGP) เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดรายได้ปีนี้เติบโต 10% ขึ้นแตะระดับกว่า 1 แสนล้านบาท จากปีก่อนทำได้ 9.33 หมื่นล้านบาท เนื่องด้วยบริษัทยังคงสร้างการเติบโตแบบ T-Model หรือแนวกว้าง ต้องมีสินค้าและบริการที่หลากหลาย ครบวงจร ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า แนวลึกเป็นการดำเนินงานจากปลายน้ำกลับไปสู่ต้นน้ำ ซึ่งบริษัทฯ มีการผลิตเยื่อกระดาษด้วยตัวเอง รวมถึงมีศูนย์รีไซเคิลเพื่อเก็บกระดาษ เพื่อเป็นการสร้าง Supply Chain เพื่อให้ต้นทุนของบริษัทมีความมั่นคงมากขึ้น
ทั้งนี้บริษัทฯ ได้มีการควบรวมกิจการกับพันธมิตร Merger&Partnership (M&P) จำนวน 3 บริษัท ได้แก่ SOVI โรงงานกล่องบรรจุภัณฑ์ในประเทศเวียดนาม, Go-Pak หนึ่งในผู้นำการให้บริการโซลูชันด้านบรรจุภัณฑ์อาหารรายใหญ่ในแถบสหราชอาณาจักร ยุโรป และอเมริกาเหนือ ซึ่งมีฐานการผลิตอยู่ในเวียดนาม ทำให้ต่อยอดขยายฐานลูกค้าในภาคธุรกิจบริการด้านอาหาร ช่วยเพิ่มศักยภาพการขยายฐานตลาดในอาเซียน โดยสามารถปิดดีลได้แล้ว ขณะที่ Duytun ซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้าบรรจุภัณฑ์พลาสติกแบบคงรูปชั้นนำในประเทศเวียดนาม คาดว่าจะปิดดีลแล้วเสร็จในช่วงกลางปี 64 ซึ่งหากควบรวมแล้วเสร็จทั้งหมดจะสร้างรายได้เพิ่มราว 1 หมื่นล้านบาทต่อปี
บริษัทฯ ตั้งงบลงทุนปีนี้ไว้ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท โดยส่วนใหญ่จะใช้รองรับการลงทุนดีล M&P และการขยายกำลังการผลิตในภูมิภาคอาเซียนอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้า และรองรับแนวโน้มตลาดที่มีการเติบโตมากขึ้น และอีก 5 พันล้านบาท เป็นงบประจำปีที่ใช้ในการซ่อมบำรุง โครงการวิจัยพัฒนาสินค้า และโครงการพัฒนาด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม
นายกุลเชฏฐ์ กล่าวว่า บริษัทฯ ยังมีการลงทุนโครงการขยายกำลังการผลิตเพื่อสร้างการเติบโต ทั้งในไทย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และเวียดนาม ซึ่งจะขยายกำลังการผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ในอินโดนีเซียเพิ่มอีก 400,000 ตัน/ปี และในฟิลิปปินส์อีก 220,000 ตัน/ปี คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในไตรมาส 2/64 และ 3/64 ตามลำดับ ส่วนบรรจุภัณฑ์แบบอ่อนตัวจะขยายกำลังการผลิตในเวียดนาม 84 ล้านตารางเมตร/ปี และในไทยอีก 53 ล้านตารางเมตร/ปี ทั้งนี้ที่เวียดนามได้มีการดำเนินงานเสร็จเรียบร้อยแล้วในไตรมาส 4/63 ส่วนในไทยคาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 3/64 นี้ ทั้งนี้ส่วนที่ขยายกำลังการผลิตจะช่วยเพิ่มยอดขายประมาณ 9,000 ล้านบาท/ปี
นอกจากนี้ในไตรมาส 1/64 ได้มีการขยายกำลังการผลิตส่วนบรรจุภัณฑ์แบบแข็งตัวในไทยอีก 347 ล้านตารางเมตร/ปี คาดว่าจะสามารถดำเนินการแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ และหากทุกโครงการสามารถดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว และมีการเดินหน้าผลิตอย่างเต็มกำลัง จะสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทเพิ่มอีกราว 9 พันล้านบาท โดยจะรับรู้รายได้เต็มปีในปี 65
ส่วนแผนการดำเนินงานในอีก 3-5 ปี จะยังคงพัฒนา Solution รวมถึงพัฒนาสินค้าใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง และเพื่อเป็นการบริหารความเสี่ยงและสร้างโอกาสใหม่ๆ บริษัทวางแผนขยาย T-Model ไปยังต่างประเทศ โดยจะเน้นการขยายไปยังประเทศในอาเซียน ทั้งนี้มีแผนจะขยายโมเดลไปยังเวียดนาม อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ก่อน เนื่องจากตลาดมีการเติบโตสูง โดยภาพรวมตลาดในอาเซียน บรรจุภัณฑ์กระดาษยังคงเติบโตได้อีก 4-5 เท่า ส่วนบรรจุภัณฑ์พลาสติกยังเติบโตได้ถึง 5-7 เท่า
ด้านปัญหาเรื่องที่ทางการจีนออกกฎหมายห้ามนำเข้าเศษกระดาษที่ไม่ได้มาตรฐาน ทางบริษัทฯ ยืนยันว่าไม่ส่งผลกระทบ เนื่องจากยังคงบริหารงานด้วยการใส่ใจในมาตรฐาน และมีการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมตลอดอยู่แล้ว ส่วนเรื่องปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลน และค่าระวางที่สูงขึ้น ส่งผลให้เศษกระดาษมีราคาสูงขึ้นด้วย ทางบริษัทฯ ไม่ได้รับผลกระทบมากนักเนื่องจากเป็นบริษัทใหญ่ จึงสามารถกระจายวัตถุดิบได้จากหลายๆ ประเทศ