ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก:ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 53.49 จุด หลังผลประกอบการบ.แกร่ง

          ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวสูงขึ้นคืนวานนี้ (21 กันยายน) เนื่องจากนักลงทุนมั่นใจในผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัท ออราเคิล คอร์ป และความเชื่อที่ว่าการลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
           สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 53.49 จุด หรือ 0.39% ปิดที่ 13,820.19 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 บวกขึ้น 7.00 จุด หรือ 0.46% ปิดที่ 1,525.75 จุด และ ดัชนี Nasdaq วิ่งขึ้น 16.93 จุดหรือ 0.64% ปิดที่ 2,671.22 จุด
          ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 2.08 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 2 ต่อ 1 
          "บ่อยครั้งเราประเมินความลึกของปัญหาต่ำเกินไป ซึ่งเป็นธรรมชาติของเราที่จะเป็นเช่นนั้นรวมทั้งการประเมินความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐที่ต่ำเกินไป ยังคงมีหลายภาคธุรกิจที่มีสุขภาพดี" โรเบิร์ต บราวน์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุนประจำเกนเวิร์ธ ไฟแนนเชียล แอสเซท แมนเนจเม้นท์ กล่าวถึง รายได้ผลประกอบการบรรษัทที่แข็งแกร่งกว่าคาดการณ์ 
          บราวน์ แสดงทัศนะต่อไปว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยไม่ได้ช่วยให้หนี้เน่ากลายเป็นหนี้ดี และการลดอัตราดอกเบี้ยก็จะไม่เปลี่ยนแปลงผลกระทบจากปัญหาเน่าเฟะในภาคที่อยู่อาศัยต่อเศรษฐกิจให้ชะลอตัวลง มีความเป็นไปได้อยู่มากที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ผมขอพูดด้วยความสัตย์จริงว่า นโยบายของธนาคารกลางสหรัฐไม่มีผลกระทบใดๆที่จะแก้ไขความเป็นไปได้ที่จะเกิดเศรษฐกิจถดถอย 
          ตลาดหุ้นนิวยอร์กคืนวานนี้ร่วงลงจากระดับสูงสุดระหว่างวันในช่วงหลังของการซื้อขาย หลังจากที่ เควิน วอร์ช ผู้ว่าการเฟด เตือนว่า เฟด ไม่ควรพยุงตลาดหุ้นนิวยอร์กเพื่อปกป้องผลกำไร แต่ เฟด ควรปกป้องเศรษฐกิจ
          ขณะที่ นอร์แมน อาลี ผู้จัดการการลงทุนในหุ้นประจำเอ็มเอฟซี โกลบอล อินเวสท์เม้นท์ แมนเนจเม้นท์ แสดงทัศนะว่า อาจมีการปรับลดดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนตุลาคม เนื่องจาก ประเด็นเงินเฟ้อยังคงไม่ใช่ปัจจัยหลัก และเศรษฐกิจเริ่มซึมซับกับราคาอาหารที่สูงขึ้น และราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นไปแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
          ทั้งนี้ หุ้น ออราเคิล พุ่งขึ้น 93 เซนต์ หรือ 4.4% ไปปิดที่ระดับ 21.98 ดอลลาร์สหรัฐ หลังการรายงงานผลประกอบการของบริษัท และหุ้น เอสเต้ เลาเดอร์ คอส. ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องสำอางก็วิ่งขึ้น 1.95 ดอลลาร์สหรัฐ ไปปิดที่ 42.58 ดอลลาร์สหรัฐ ท่ามกลางข่าวลือการเทคโอเวอร์