นางยอดฤดี สันตติกุล รองกรรมการผู้อำนวยการ หัวหน้าสายงานตลาดทุน บล.เอเซีย พลัส กล่าวถึงภาพรวมของตลาดหุ้นไทยในปีนี้ยังมีทิศทางที่ดีขึ้น แม้ว่าปัจจุบันสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศจะกลับมาแพร่ระบาดอีกครั้งเป็นรอบที่ 3 แต่มองว่าเป็นปัจจัยที่เกิดขึ้นในระยะสั้น และมองว่าภาครัฐจะสามารถควบคุมได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งการแพร่ระบาดในครั้งนี้มองว่าประชาชนในประเทศได้เข้าใจถึงวิธีการป้องกันแล้ว และภาครัฐไม่ได้มีการประกาศล็อกดาวน์เหมือนกับการแพร่ะระบาดไนรอบแรกเมื่อปีก่อน ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆยังคงเป็นไปตามปกติ ยกเว้นบางธุรกิจที่เกิดการแพร่ระบาดขึ้นได้มีการสั่งปิดให้บริการชั่วคราว แต่ในภาพใหญ่ถือว่ายังคงปกติอยู่ แต่ยอมรับว่าจะเกิดผลกระทบในระยะสั้น คล้ายกับในช่วงของการแพร่ระบาดรอบ 2 ในช่วงก่อนเทศกาลปีใหม่ ซึ่งมองว่าระยะสั้นตลาดหุ้นไทยอาจจะมีการปรับฐานเกิดขึ้นบ้าง และหลังจากโควิด-19 รอบนี้คลี่คลายจะค่อยฟื้นขึ้นกลับมาได้
โดยที่หากมองภาพของนักลงทุนในตลาดหุ้นนั้นยังคงมีการเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นมาก จะเห็นได้จากมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นมาเป็น 90,000-100,000 ล้านบาท/วัน จากเดิมที่เฉลี่ย 60,000-70,000 ล้านบาท/วัน สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนยังสนใจเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นกันอย่างคึกคัก แม้ว่าจะมีปัจจัยกดดันจากโควิด-19 เข้ามา ซึ่งปัจจุบันถือว่าสภาพคล่องของตลาดมีอยู่สูงมาก และนักลงทุนต่างมองหาช่องทางการนำเงินไปลงทุนที่ได้ผลตอบแทนสูงมากกว่าการฝากเงินในธนาคารที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ ทำให้หุ้นซึ่งเป็นสินทรัพย์เสี่ยงเป็นตัวเลือกแรกๆที่นักลงทุนกระจายเงินเข้ามาลงทุน
อีกทั้งการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ในช่วงที่ผ่านมาหลายๆบริษัท ถือว่าประสบความสำเร็จและนักลงทุนต่างให้การตอบรับเป็นอย่างดี โดยเฉพาะการเสนอขาย IPO ของบมจ.ปตท.น้ำมันและค้าปลีก (OR) ที่ถือเป็นการจุดกระแสกระตุ้นความสนใจในหุ้น IPO ได้เป็นอย่างดี ทำให้นักลงทุนมองเห็นโอกาสในการลงทุนหุ้น IPO เพิ่มมากขึ้น และมีนักลงทุนหน้าใหม่ๆเข้ามาในตลาดหุ้นเพิ่มมากขึ้น ทำให้แนวโน้มความต้องการซื้อ IPO ใหม่ๆที่เตรียมเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯยังคงอยู่ในระดับที่สูง และผู้ประกอบการต่างๆยังมองว่าในปีนี้เป็นจังหวะที่ดีที่จะเริ่มมีการเสนอขาย IPO หลังจากปัจจัยกดดันจากโควิด-19 เริ่มคลี่คลายลง และตลาดมีการตอบรับ IPO เป็นอย่างดี
นอกจากนี้หุ้นกู้ยังถือว่าได้รับการตอบรับจากนักลงทุนที่ดีมากเช่นเดียวกัน ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่สร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอให้กับนักลงทุน ที่ให้ผลตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าการฝากเงินในธนาคารที่อัตราดอกเบี้ยต่ำมาก ทำให้นักลงทุนนำเงินมาลงทุนในหุ้นกู้มากขึ้น ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาของปีนี้มีการออกหุ้นกู้จากบริษัทต่างๆเป็นจำนวนมาก และมีนักลงทุนสนใจซื้อ จนสามารถเสนอขายได้ครบในทุกๆหุ้นกู้ที่เปิดจำหน่ายออกมา สะท้อนภาพของกระแสเงินที่เริ่มไหลเข้าตลาดทุนมากขึ้น จากมุมมองของนักลงทุนที่อาจจะมองว่าปัจจุบันตลาดทุนเป็นทางเลือกในการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนมากกว่าการฝากเงินในธนาคารอย่างเดียว ในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ การที่ตลาดมีสภาพคล่องที่ล้น และนักลงทุนเริ่มเข้าใจและยอมรับความเสี่ยงในการลงทุนในตลาดทุนได้มากขึ้น