นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) (MBKET) ประเมินว่าตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นเด่นในช่วงในไตรมาส 1/64 กว่า 8% ตอบรับความคาดหวังเชิงบวกต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและโลก ผสานกับพัฒนาการเชิงบวกของวัคซีนที่เริ่มมีการฉีดมากยิ่งขึ้น กระตุ้นความเชื่อมั่นต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ แต่อย่างไรก็ดี การกลับมาแพร่ระบาดของโควิด-19 และการล็อกดาวน์ในบางประเทศอีกครั้งในช่วงต้นปี ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด
ส่วนในช่วงในไตรมาส 2/64 คาดตลาดยังคงได้แรงหนุนจากนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม รวมถึงความคืบหน้าในการฉีดวัคซีน ซึ่งจะนำไปสู่การเปิดประเทศในช่วงถัดไป ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยหนุนภาคบริการของไทยฟื้นตัวกลับเข้าสู่ภาวะปกติอีกครั้ง เป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนดัชนีมากยิ่งขึ้น
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนไตรมาส 2/64 เมย์แบงก์ กิมเอ็ง คาด SET แกว่งผันผวนในกรอบ 1,450-1,650 จุด ในจังหวะตลาดย่อตัวแนะเป็นโอกาสในการทยอยสะสม เพื่อรอปัจจัยหนุนใหม่เป็นแรงขับเคลื่อนตลาดฟื้นตัวขึ้นในช่วงถัดไป แนะทยอยสะสมหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี แนวโน้มกำไรฟื้นตัวเด่น ผสานกับธีมการลงทุนที่น่าสนใจ นำโดย 1) เศรษฐกิจโลกฟื้นตัว เน้นหุ้นในกลุ่มวัฎจักร เช่น ธนาคาร (BBL) และ พลังงาน (IRPC) 2) การทยอยเปิดเมือง และ Pent-up Demand ช่วยหนุนกำไรบริษัททะเบียนเร่งตัวขึ้น (PLANB, MAJOR, SPALI)
พร้อมคงเป้าหมายสิ้นปีที่ 1600 จุด จากฐานกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในระดับต่ำมากในปี 2563 เนื่องจากได้รับผลกระทบของการแพร่ระบาดโควิด-19 ผสานกับการฟื้นตัวที่ค่อยๆดีขึ้น ขานรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการเงินและการคลังทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงพัฒนาการเชิงบวกของการฉีดวัคซีนที่มากยิ่งขึ้น หนุนเศรษฐกิจฟื้นตัว ดังนั้นเราจึงประเมินการเติบโตของกำไรต่อหุ้นของ SET ปี 2564 เติบโต +91%YoY ขึ้นสู่ระดับ 82 บาทต่อหุ้น ซึ่งหากพิจารณา ระดับ PE Ratio ที่เหมาะสม โดยอิงค่าเฉลี่ย PE ย้อนหลัง 5 ปี + 1.0 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (+1.0SD) ที่ 19.5 เท่า จะได้เป้าหมายดัชนีสิ้นปีนี้ที่ 1,600 จุด