นายจักรกริช เจริญเมธาชัย ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.ฟินันซ่า กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าน่าจะเป็นลักษณะของการชะลอความแรงในการปรับตัวขึ้น โดยตลาดหุ้นนิวยอร์คได้ปิดทำการเมื่อคืนที่ผ่านมา(3 ก.ย.)ส่วนตลาดหุ้นต่างประเทศโดยส่วนใหญ่ก็มีการแกว่งตัวในกรอบแคบ ๆ เพื่อรอข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯในคืนวันนี้(4 ก.ย.)
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันขณะนี้ทรง ๆ ตัว แต่เชื่อว่าการเข้ามาลงทุนของกองทุน'ไทยเด็กซ์' จะช่วยกระตุ้นการลงทุนใน SET50 ได้บ้าง
อย่างไรก็ดี ความเปราะบางของตลาดฯยังมีอยู่สูง และไม่รู้ว่าข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯจะออกมาเป็นอย่างไร แต่ดัชนีราคาบ้าน(S&P Case-Shiller)ได้ปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว ก็เลยเป็นสิ่งที่กังวลว่าปัญหาซับไพร์มไม่น่าที่จะจบเร็ว และคาดว่ามาตรการของบุช และประธาน FED จะไม่สามารช่วยตลาดได้ระยะยาว
ดังนั้นเมื่อดัชนีฯปรับตัวขึ้นก็เป็นจังหวะ"ขาย"ที่ระดับแนวต้าน 830 จุด ส่วนแนวรับให้ไว้ที่ 807 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :
- ตลาดหุ้นนิวยอร์คเมื่อวานนี้(3 ก.ย.)ปิดทำการเนื่องในวันแรงงาน
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,154.65 ล้านบาทเมื่อวานนี้
- ตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้เนื่องในวันแรงงาน
- ฟิทช์เกาะติดการเมืองไทยหลังเลือกตั้งสิ้นปีนี้ ก่อนทบทวนเครดิตประเทศ จี้นโยบายการคลังรัฐบาลใหม่ต้องชัดเจน จึงจะช่วยพลิกฟื้นการบริโภค-การลงทุน ให้เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญนอกจากการส่งออก ประเมินเศรษฐกิจไทยปีนี้โต 3.8% ปีหน้าขยายตัว 4.5% "สุรยุทธ์" ยันกำหนดวันเลือกตั้ง 23 ธ.ค.ไม่เปลี่ยนแปลง ชี้ความไม่ต่อเนื่องทางการเมืองเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้การพัฒนาประเทศล่าช้า
- สศช.ชี้การลงทุนส่งสัญญาณฟื้นตัว หลังอัตราหดตัวลดเหลือ 0.8% จากไตรมาสแรกที่หดตัวถึง 2.3% โดยมีปัจจัยจากการกำหนดวันเลือกตั้งชัดเจน หนุนความเชื่อมั่นการลงทุนในครึ่งปีหลังดีขึ้น ส่งผลคงประมาณการจีดีพีไว้ที่ 4.0-4.5% หลังไตรมาสสอง จีดีพีขยายตัว 4.4% เหตุส่งออกยังขยายตัวดี
- เอกชนและนักวิชาการ เห็นตรงกันเศรษฐกิจไทยยังซึมลากยาวไปจนหลังเลือกตั้ง 23 ธ.ค.นี้ เหตุปัจจัยรุมเร้าหนัก ทั้งแรงซื้อในประเทศหดตัว พิษเศรษฐกิจคู่ค้าสำคัญตกต่ำ โดยเฉพาะพี่เบิ้มสหรัฐฯ จีน และญี่ปุ่น ที่จะมีการปรับโครงสร้างการเมืองและเศรษฐกิจอย่างหนัก และจะส่งผลต่อไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แนะรัฐบาลใหม่ ให้ความสำคัญกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ปชป.ย้ำหากเป็นรัฐบาล สิ่งแรกที่จะทำฟื้นเศรษฐกิจภายในและความชัดเจนเรื่องนโยบายลงทุน
- เลขาธิการ ก.ล.ต.มองปัญหาซับไพรม์ไม่จบง่าย เต้นขอความช่วยเหลือจากต่างประเทศหาวิธีลงบัญชีซีดีโอของ 4 ธนาคารที่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย
- ธปท.ชี้ผู้ประกอบการธุรกิจสินเชื่อบุคคลเริ่มแย่เห็นได้ชัดกำไรแค่ 5.8% ต่อปี ในช่วงสิ้นปีก่อน และแนวโน้มกำไรลดลงเรื่อยๆ ขณะเดียวกันหนี้ท่วมถึง 40-50% จนต้องมีการตั้งสำรองให้ภาพธุรกิจสวยหรู โวจะออกกฎอะไรออกมา ธปท.พร้อมอยู่แล้ว เพราะมีการศึกษาเรื่องนี้นาน แต่ไม่ต้องการออกแค่กระดาษใบเดียว แต่สุดท้ายปฏิบัติไม่ได้ มั่นใจจะออกกฎให้ผู้ใช้กฎและผู้บริโภคในระบบไม่กระทบ
- คลังอนุมัติเงินกู้ในโครงการ SAL จำนวน 22 โครงการ มูลค่า 1,195.405 ล้านบาท จากวงเงินทั้งสิ้น 3,384 ล้านบาท โดยอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยได้รับยอดเงินมากที่สุดเกือบ 300 ล้านบาท คาดเร็วๆ นี้เตรียมอนุมัติให้โครงการอื่น เชื่อเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมเศรฐกิจในอนาคต
--อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--