นายมนต์เทพ มะเปี่ยม รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซเว่น ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (7UP) เปิดเผยว่า ธุรกิจหลักในการสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯยังคงมาจากธุรกิจจัดจำหน่ายแก๊ส LPG และ น้ำมัน ซึ่งดำเนินการภายใต้ บริษัทในเครือ บริษัท สตาร์แก๊ส จำกัด โดยในปี 64 นี้ได้จัดสรรงบลงทุนราว 100 ล้านบาท เพื่อใช้ปรับปรุงสถานีบริการน้ำมันและแก๊ส ที่มีอยู่ 31 แห่ง แบ่งเป็น ปั๊ม LPG จำนวน 21 แห่ง ปั้มน้ำมัน 8 แห่ง และ ปั๊ม NGV จำนวน 2 แห่ง
สำหรับงบดังกล่าวจะใช้ในการทยอยปรับปรุงสาขาที่มีศักยภาพให้เป็นสาขารูปแบบใหม่ภายใต้แบรนด์ ปตท. ของ บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR) และ แบรนด์ PT ของ บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) ล่าสุด บริษัทฯได้ดำเนินการปรับปรุงปั๊มน้ำมันสาขาถนนพิบูลสงครามให้กลายปั๊มน้ำมันของปตท. ซึ่งมีธุรกิจ Non-oil อย่างร้านกาแฟคาเฟ่อเมซอน (Amazon) ให้บริการแก่ลูกค้าเช่นเดียวกัน
"ภายใต้สถานการณ์ราคาน้ำมันผันผวนในทิศทางขาขึ้น ทำให้ยังมีความต้องการใช้แก๊ส LPG และ NGV อย่างต่อเนื่อง ขณะที่บริษัทฯจะได้รับผลดีในฐานะผู้ให้บริการครอบคลุมทั้งแก๊สและน้ำมัน ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในทุกภาคส่วน" นายมนต์เทพ กล่าว
ขณะเดียวกันบริษัทจะรุกธุรกิจ Non-oil ควบคู่ไปด้วย โดยเฉพาะสาขาที่ปรับปรุงเป็นปั้มน้ำมันของปตท.จะเปิดร้านกาแฟอะเมซอน (Amazon) รวมถึงการมองหาทำเลอื่นเพื่อเปิดสาขาร้านกาแฟอะเมซอนภายนอกปั๊มน้ำมัน (Stand Alone) ซึ่งตั้งเป้าหมายจะเปิดภายในปี 2564 นี้ รวม 3 สาขา โดยร้านกาแฟอะเมซอน (Amazon) สาขาแรก อาคารสุโขทัย แกรนด์ ถนนสุโขทัย เขตดุสิต ได้เปิดอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ บริษัทมีความคาดหวังว่าในปี 65 จะเริ่มเห็นผลจากการเข้าลงทุนดังกล่าวโดยเฉพาะธุรกิจ Non-oil จะมีอัตราส่วนกำไรขั้นต้น (มาร์จิน) ค่อนข้างสูง และคาดหวังว่าจะมีส่วนผลักดันให้อัตรากำไรสุทธิจากธุรกิจจัดจำหน่ายแก๊สและน้ำมัน เพิ่มสูงขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทยังได้มีแผนปรับโครงสร้างธุรกิจให้มีทิศทางที่มั่นคงมากขึ้น โดยจำหน่ายเงินลงทุนในธุรกิจของบริษัทในเครือบางส่วนที่คาดว่ายังไม่มีโอกาสทางธุรกิจในเร็วๆนี้ออกไป เพื่อนำเงินทุนมาหมุนเวียนลงทุนในธุรกิจอื่นที่มีโอกาสในการเสริมสร้างรายได้ให้แก่บริษัทในช่วงวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19)