นายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ. เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย (JKN) กล่าวว่า การเข้าซื้อกิจการ บริษัท ดีเอ็น บรอดคาสต์ จำกัด เพื่อเข้าบริหารทีวีดิจิทัลช่อง NEW18 ซึ่งจะเปลี่ยนชื่อเป็น JKN18 ถือเป็นการลงทุนเชิงยุทธศาสตร์ครั้งสำคัญของ JKN ที่ผลักดันให้บริษัทฯ ก้าวสู่ Content Commerce Company อย่างเต็มตัว พร้อมขยายฐานผู้ชมจากทีวีดาวเทียมไปสู่ทีวีดิจิทัลและผลักดันการเติบโตกลุ่มธุรกิจ Commerce
โดยนำจุดแข็งด้านการผลิตคอนเทนต์รายการ ไม่ว่าจะเป็นรายการข่าวที่นำเสนอประเด็นร้อนผ่านมีพิธีกรชื่อดังให้แก่ผู้ชมตลอดทั้งวัน และรายการคอนเทนต์ซีรีส์ดังที่จะมาสร้างความบันเทิงมาสร้างเรตติ้งให้แก่ช่อง JKN18 และใช้เป็นช่องทางสื่อสารถึงคุณภาพผลิตภัณฑ์และจำหน่ายไปยังกลุ่มผู้ชมโดยตรง หรือ D2C ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งจะทำให้ JKN มีช่องทางการขายที่แข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้นทั้งช่องทางออนไลน์และช่องทางออฟไลน์ สอดรับกับพฤติกรรมการซื้อสินค้าของผู้บริโภคยุค New Normal ได้อย่างแท้จริง
"เรามีศักยภาพและพร้อมรุกทำตลาด Commerce จากการมีนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และช่อง JKN18 ที่ต่อยอดในด้านการเป็นเครื่องมือทางด้านการตลาดและช่องทางขายไปยังผู้บริโภคโดยตรง มาผนวกกลยุทธ์การตลาดซูเปอร์สตาร์มาร์เก็ตติ้ง ทำให้เรามั่นใจว่าธุรกิจ Commerce จะเป็นพลังขับเคลื่อนการเติบโตอย่างก้าวกระโดดให้แก่กลุ่ม JKN" นายจักรพงษ์ กล่าว
บริษัทจะใช้เงินลงทุนไม่เกิน 1,060 ล้านบาท เพื่อเข้าซื้อกิจการบริษัท ดีเอ็น บรอดคาสต์ จำกัด โดยใช้แหล่งเงินทุนจากกระแสเงินสดจำนวนไม่เกิน 450 ล้านบาท สินเชื่อจากสถาบันการเงินอีก 450 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นการผ่อนชำระอีก 36 งวด ซึ่งภายหลังเข้าซื้อกิจการ บริษัทฯ จะนำองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญของบุคลากรของ JKN ที่มีธุรกิจคอนเทนต์ที่แข็งแกร่ง เข้าไปเพิ่มศักยภาพการผลิตรายการข่าวให้น่าสนใจเพื่อสร้างเรตติ้งที่ดีให้แก่สถานี โดยมีเป้าหมายเรตติ้งติดอันดับ Top 10
นายจักรพงษ์ กล่าวอีกว่า JKN วางเป้าหมายรายได้ 3 ปีจากนี้จะเติบโตแตะ 5,000 ล้านบาท โดยจะมาจากธุรกิจ Commerce 50% และธุรกิจ Content 50% จากปี 64 คาดว่าจะมีรายได้เติบโตเป็น 2,500 ล้านบาท จากปีก่อน 1,702 ล้านบาท ซึ่งมาจากกลุ่มธุรกิจ Content ราว 1,956 ล้านบาท และธุรกิจ Commerce ราว 550 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้นปีนี้ประเมินไว้ที่ 47-50% และ 65% ตามลำดับ
การเติบโตในปีนี้ยังคงมาจากธุรกิจ Content เป็นหลัก จากปัจจุบันที่มีปริมาณงานในมือ (Backlog) รอส่งมอบแล้วกว่า 800 ล้านบาท รวมถึงการซื้อคอนเทนท์ในปีที่ผ่านมาได้ราคาต้นทุนที่ค่อนข้างดี ส่งผลให้ปี 63 มีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 44-45% และคาดว่าปีนี้จะอยู่ที่ 47-50% ซึ่งจะทำให้ธุรกิจ Content ค่อนข้างมีความแข็งแกร่ง
ส่วนธุรกิจ Commerce ในปีนี้วางเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 550 ล้านบาท แบ่งเป็น ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพและความงาม 450 ล้านบาท และผลิตภัณฑ์น้ำดื่ม 100 ล้านบาท ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท เจเคเอ็น เอ็มเอ็นบี จำกัด (JKN MNB) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนที่ JKN ถือหุ้นในสัดส่วน 51% และบริษัท เอ็ม เอ็น เบฟเวอเรจ จำกัด ถือสัดส่วน 49% โดยเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่กว่า 20 รายการ รวมถึงผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมสารสกัดกัญชงราว 10 รายการ จากความร่วมมือกับพันธมิตร และยังเปิดกว้างพันธมิตรรายอื่นร่วมพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง
"เบื้องต้นเราวางเป้าหมายรายได้ 3 ปี เติบโต 5,000 ล้านบาทก่อน ซึ่งจะมาจากธุรกิจ Content และ Commerce อย่างละครึ่งๆ หรือ 50:50 แต่เราก็ยังมองไปข้างหน้าที่รายได้ระดับ 10,000 ล้านบาท ซึ่งตรงนี้จะไม่ใช่แค่ธุรกิจดังกล่าว ซึ่งจะต้องมี S-Curve ใหม่เข้ามาอย่างแน่นอน" นายจักรพงษ์ กล่าว