ศูนย์วิจัยกสิกรมองโบรกเล็กอยู่ยากยุคเปิดเสรี-โบรกตปท.ลังเลเข้าทำธุรกิจ

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday October 5, 2007 15:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า บริษัทหลักทรัพย์ขนาดเล็กที่ไม่มีทุนขนาดใหญ่หรือสถาบันการเงินต่างชาติหนุนหลังจะอยู่ได้ยากในยุคเปิดเสรีใบอนุญาตธุรกิจหลักทรัพย์ จึงจำเป็นต้องแสวงหาพันธมิตรทางธุรกิจและพัฒนาธุรกิจอื่น ๆ ขึ้นมาเพิ่มเติม และอาจเห็นแนวโน้มการควบรวมกิจการมากขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการอาจลดจำนวนลงและมีขนาดใหญ่ขึ้น ขณะที่ตลาดทุนยังมีขนาดเล็ก กลายเป็นข้อจำกัดสำหรับรายใหม่ที่จะเข้ามาแย่งส่วนแบ่งในตลาด โดยเฉพาะบริษัทหลักทรัพย์ต่างชาติ
การทำธุรกิจหลักทรัพย์ในอนาคตท่ามกลางการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจำเป็นที่จะต้องอาศัยฐานเงินทุนในระดับสูง และคงจะไม่สามารถพึ่งพิงรายได้จากค่าธรรมเนียมเป็นหลักเช่นในปัจจุบัน ทำให้ในช่วงระยะเวลาจากนี้ไปจนถึงก่อนเปิดเสรี บริษัทหลักทรัพย์รายย่อยที่เข้าข่ายดังกล่าวมีความจำเป็นที่จะต้องแสวงหาพันธมิตรในการทำธุรกิจ พัฒนาธุรกิจอื่น ๆ ขึ้นมาเพิ่มเติม
ดังนั้น แนวโน้มการควบรวมกิจการในธุรกิจหลักทรัพย์คงจะเริ่มปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ ทำให้จำนวนบริษัทหลักทรัพย์ที่มีอยู่ในปัจจุบันมีแนวโน้มลดลง ขณะที่ผู้ประกอบการในตลาดมีขนาดใหญ่ขึ้นและมีการทำธุรกิจครบวงจรมากขึ้น โดยได้แรงหนุนจากการที่ทางการเปิดโอกาสให้ขอใบอนุญาตในส่วนที่ยังขาดอยู่ได้สะดวกขึ้น และมีการอาศัยช่องทางการขายจากพันธมิตร หรือเครือข่ายทางธุรกิจมากขึ้น ไม่เช่นนั้นบริษัทหลักทรัพย์เหล่านั้นก็จะต้องหันไปเสริมสร้างจุดขายเฉพาะด้านหรือสร้างความแตกต่างให้กับตนเองจากรายอื่น ๆ
ส่วนภาพรวมของธุรกิจหลักทรัพย์ในระยะยาวหลังการเปิดเสรี แนวโน้มการเเข่งขันจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยด้วยกัน อาทิ สภาพแวดล้อมในตลาดทุน การซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ขณะนั้น มาตรการต่าง ๆ ของรัฐบาล เช่น แนวโน้มการผ่อนคลายเกณฑ์การเปิดเสรีทางการเงิน โดยอนุญาตให้มีการนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศ หรือ การทำ Cross-border services เป็นต้น ซึ่งมองว่าปัจจัยเหล่านี้จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะเป็นตัวกำหนดการเข้ามาของผู้ประกอบการรายใหม่ในอนาคตว่าจะมีจำนวนมากน้อยเพียงใด
อย่างไรก็ตาม ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า แม้การเปิดเสรีใบอนุญาตธุรกิจหลักทรัพย์จะช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าสู่ธุรกิจหลักทรัพย์ได้ง่ายขึ้น และทำให้ต้นทุนในการขอใบอนุญาตลดลง เทียบกับปัจจุบันที่จำนวนใบอนุญาตมีอยู่จำกัด ทำให้ต้องซื้อใบอนุญาตจากผู้ประกอบการรายเดิมด้วยราคาที่สูง
ประกอบกับ การคลายเกณฑ์การลงทุนต่าง ๆ ที่น่าจะช่วยเอื้อหนุนการเติบโตของตลาดทุนไทยในระยะต่อไป เช่น ความเป็นไปได้ที่จะให้มีการยกเลิกมาตรการกันสำรองเงินทุนนำเข้าระยะสั้น การผ่อนคลายเกณฑ์การลงทุนในต่างประเทศเพิ่มขึ้นในอนาคต
แต่เมื่อพิจารณาเงื่อนไขประการอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการเเข่งขันที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจหลักทรัพย์ การที่ตลาดทุนไทยยังมีขนาดเล็กและมีสินค้าในตลาดไม่มากนัก ขณะที่การเปิดเสรีค่าธรรมเนียมการซื้อขายอาจส่งผลให้ผลกำไรของผู้ประกอบการลดลงได้ในระยะต่อไป ซึ่งกระทบต่อความน่าสนใจในการเข้ามาทำธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการรายใหม่ ท้ายสุดแล้วอาจทำให้จำนวนผู้ประกอบการอาจไม่เพิ่มขึ้นมากนัก
นอกจากนั้นแล้ว บริษัทหลักทรัพย์ต่างชาติอาจจะต้องพิจารณาชั่งน้ำหนักระหว่างต้นทุนในการเข้ามาประกอบธุรกิจด้วยตนเองโดยตรงในประเทศไทยกับผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับ กับการเลือกที่จะเข้ามาทำธุรกิจในลักษณะของการเป็นพันธมิตรกับบริษัทหลักทรัพย์ของไทยแทน แต่ไม่ว่ารูปแบบการดำเนินธุรกิจจะออกมาในลักษณะใดการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในธุรกิจดังกล่าวคงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในอนาคต

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ