นายคุรุจิต นาครทรรพ รองปลัดกระทรวงพลังงาน คาดว่า โรงกลั่นเอสโซ่จะสามารถจดทะเบียนเพื่อเข้ากระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ภายในเดือน ม.ค.51 โดยขณะนี้อยู่ระหว่างยื่นไฟลิ่งให้คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)พิจารณา
"คาดว่ากระบวนการยื่นขอจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ภายในไตรมาสแรกปีหน้า หรือประมาณเดือนมกราฯ จากเดิมที่จะเข้าปลายปีนี้คงไม่ทัน" นายคุรุจิต กล่าว
ทั้งนี้โรงกลั่นเอสโซ่ได้ปรับโครงสร้างหนี้เสร็จแล้ว โดยกระทรวงการคลังใส่เงินเพิ่มทุนจำนวนประมาณ 2.6 พันล้านบาท ส่วนบริษัท เอสโซ่(ประเทศไทย)จำกัด เพิ่มทุนจำนวน 1.3 หมื่นล้านบาท ทำให้บริษัทสามารถล้างชาดทุนสะสมจำนวน 1.6 หมื่นล้านบาทได้หมด
หลังกระจายหุ้นให้ประชาชนทั่วไป IPO ในสัดส่วน 25% ของทุนจดทะเบียนจะทำให้บริษัท เอสโซ่(ประเทศไทย) มีจำนวนหุ้นในโรงกลั่นเอสโซ่เหลือ 67.5% จาก 87.5% ส่วนกระทรวงการคลังลดเหลือ 7.5% จาก 12.5%
ด้านนายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ในการประชุม กพช.วันที่ 18 ต.ค.นี้จะพิจารณาปรับสัญญาโรงกลั่นสตาร์ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด(SPRC) จากสัญญาเดิมจะกระจายหุ้นให้ประชาชนทั่วไป(IPO) 20% เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แต่จะปรับเพิ่มเป็น 25% หรือ 30% ตามกฎของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) โดยที่ปรึกษาทางการเงินอยู่ระหว่างการพิจารณาความเหมาะสม
รวมทั้งจะปรับลดสัดส่วนการถือครองหุ้น SPRC ทั้งของเชฟรอน และบมจ.ปตท.(PTT) โดยปัจจุบันถือหุ้น 64% และ 36% ตามลำดับ ทั้งนี้จะนำข้อสรุปของ กพช.เสนอต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป
"คิดว่าโรงกลั่น SPRC จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ภายในไตรมาส 1 หรือ 2 ของปีหน้า มองว่า โรงกลั่น SPRC จะกระจายหุ้นได้เร็วขึ้นเพราะเป็นบริษัทไม่มีหนี้ ก็คงหลังจากที่โรงกลั่นเอสโซ่เข้าตลาดแล้วประมาณ 1-2 เดือน" นายพรชัย กล่าว
อย่างไรก็ตาม หลังจากโรงกลั่น SPRC เข้าตลาดหลักทรัพย์แล้ว ทาง ปตท.กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าขายหุ้นโรงกลั่น SPRC ทิ้งออกไปหรือไม่
--อินโฟเควสท์ โดย อตฦ/ธนวัฏ โทร.0-2253-5050 ต่อ 325 อีเมล์: tanawat@infoquest.co.th--