นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะผันผวนอิงทางลง จากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศที่รุนแรงขึ้น โดยมีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดถึงกว่า 2,000 คนต่อวัน ทำให้ต้องมีการยกระดับมาตรการคุมเข้มการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้น ด้วยการปิดสถานที่เสี่ยงหลายแห่ง คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อกลุ่มค้าปลีก, ท่องเที่ยว และการบริโภคภายในประเทศ
ขณะที่ตลาดในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบคละกัน โดยตลาดหุ้นเกาหลีใต้ และตลาดหุ้นไต้หวันแกว่งในแดนบวก ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นแกว่งในแดนลบ เป็นต้น จากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ออกมาดีอย่างต่อเนื่อง ส่วนบ้านเราช่วงนี้คงจะ underperform ตลาดหุ้นทั่วโลกไปก่อน จากปัญหาการแพร่ะบาดโควิดในประเทศ
อย่างไรก็ดี สัปดาห์นี้ให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในกลุ่ม Real Sector ซึ่งก็จะมี PTTEP, HMPRO, AEONTS เป็นต้น ส่วนนอกประเทศให้ติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในสัปดาห์นี้ ซึ่งคาดว่าจะไม่มีการส่งสัญญาณการปรับเปลี่ยนนโยบายใด ๆ
พร้อมให้แนวรับ 1,550 ถัดไป 1,540-1,530 จุด ส่วนแนวต้าน 1,565 จุด
ด้านนายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวลง จากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยที่รุนแรงขึ้น ขณะที่ตลาดภูมิภาคเช้าแกว่งบวกราว 0.3-0.5% ตามดาวโจนส์ และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ขยับขึ้น
ทั้งนี้ ยังต้องติดตามสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในประเทศ รวมถึงมาตรการภาครัฐจะออกมาควบคุมการระบาดในระลอกนี้ พร้อมให้แนวรับ 1,550-1,530 จุด ส่วนแนวต้าน 1,560 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (23 เม.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,043.49 จุด เพิ่มขึ้น 227.59 จุด (+0.67%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,180.17 จุด เพิ่มขึ้น 45.19 จุด (+1.09%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,016.81 จุด เพิ่มขึ้น 198.40 จุด (+1.44%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 9.94 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 74.86 จุด และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 27.7 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (23 เม.ย.) 1,553.59 จุด ลดลง 14.62 จุด (-0.93%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,988.78 ล้านบาท เมื่อวันที่ 23 เม.ย.64
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มิ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (23 เม.ย.) ปิด 62.14 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 71 เซนต์ หรือ 1.2%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (23 เม.ย.) อยู่ที่ 3.06 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.39 ทรงตัวจากสัปดาห์ก่อน จับตาโควิดในปท.-ประชุมเฟดสัปดาห์นี้
- การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมผลักดันให้ รฟท. เร่งต่อขยายทางคู่ เพื่อเชื่อมต่อการขนส่งไปยังพื้นที่พัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ทางเรือ และอากาศ จำนวนมี 4 โครงการ วงเงินรวม 1.3 แสนล้านบาท ประกอบไปด้วย 1.ช่วงขอนแก่น-หนองคาย ระยะทาง 167 กิโลเมตร (ก.ม.) วงเงิน 25,842 ล้านบาท
- พิษโควิด บอร์ดไฟเขียวให้ ทอท.กู้เงินเสริมสภาพคล่อง วงเงิน 2.5 หมื่นล้าน คาดดำเนินการได้ในงบประมาณปี 65 เผยหลังโควิด-19 ระบาดรอบ 3 ผู้โดยสาร 6 ท่าอากาศยานเหลือแค่ 3.8 หมื่นคน
- การกลับมาแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ สถานการณ์แตกต่างจากปี 2563 มาก บ่งชี้ผ่าน คนไข้ เพิ่มขึ้นเร็ว และมีอาการหนักมากขึ้น โดย "ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชน" จำต้องปรับตัวเพื่อรองรับกับสถานการณ์ดังกล่าว และหนึ่งในโรงพยาบาลเอกชนที่ใช้กลยุทธ์ "ยืดหยุ่น" ให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันคือ บริษัท โรงพยาบาลวิภาวดี จำกัด (มหาชน) หรือ VIBHA
- "ศักดิ์สยาม" เสนอรัฐบาลนำเงินกองทุนฯ "กปถ.-ทอท.-มอเตอร์เวย์-ทย." มาซื้อวัคซีนป้องโควิด-19 ให้ผู้ให้บริการขับขี่รถสาธารณะ "แท็กซี่-รถเมล์-มอไซค์" พ่วงด้วยผู้ปฏิบัติงานแนวหน้าในภาคคมนาคมขนส่งทั้งระบบ
*หุ้นเด่นวันนี้
- BCH (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 20 บาท คาดกำไร Q1/64 เพิ่มขึ้นเป็น 330 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19%qoq และ 27%yoy มาจากรายได้การตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้น โดย BCH มีส่วนแบ่งในการตรวจคัดกรองมากที่สุดที่ 120,000 ครั้งในช่วง Q1/64 ที่ ผ่านมา
- NER(เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 6 บาท รอประกาศเป็นผู้ชนะการประมูลยางล็อตเก่า หนุน Outlook ปี 64 สดใส โดย NER เหมาประมูลยางเก่ากว่า 1 แสนตัน โดยยางล็อตนี้คาดจะมีต้นทุนที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย หากบริหารจัดการได้เหมาะสมจะทำกำไรได้ดี ทั้งนี้ Outlook ปี 64 สดใส จากราคาขายยางเฉลี่ยในปีนี้ที่สูงกว่าปีก่อน คาดจะหนุน GPM ให้อยู่ในระดับ 10-14% พร้อม Volume การขายที่เพิ่มขึ้นจากการเพิ่มกำลังการผลิต พร้อมประเมินกำไรสุทธิ ปี 64-65 ที่ 1.4 พันลบ. และ 1.7 พันลบ. +15%YoY, +20%YoY ตามลำดับ
- IRC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ" ปรับเพิ่มเป้าเป็น 24 บาท คาดกำไรสุทธิ Q1/64 ดีสุดในกรอบ 17 ไตรมาส +9% Q-Q, +32% Y-Y จากยอดขายรถมอเตอร์ไซค์ในประเทศที่แข็งแกร่ง ขณะที่ Margin ยังขยายตัวจาก Economy of Scale พร้อมปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2564-2566 ขึ้นเป็นเติบโต 77%/ 5%/8% ตามลำดับ และฐานะการเงินเป็น Net Cash ส่วนราคาหุ้นเทรด PE และ PBV เพียง 8.7 เท่าและ 0.9 เท่า