ดัชนีกลุ่มเหล็กพุ่ง 8.47% มาอยู่ที่ 50.95 จุด เพิ่มขึ้น 3.98 จุด เมื่อเวลา 10.28 น. นำโดยหุ้น TSTH พุ่ง 28.08% มาอยู่ที่ 1.87 บาท เพิ่มขึ้น 0.41 บาท
หุ้น BSBM พุ่ง 13.64% มาอยู่ที่ 1.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.21 บาท มูลค่าซื้อขาย 17.25 ล้านบาท
หุ้น SAM พุ่ง 9.84% มาอยู่ที่ 1.34 บาท เพิ่มขึ้น 0.12 บาท มูลค่าซื้อขาย 38.82 ล้านบาท
หุ้น INOX พุ่ง 8.65% มาอยู่ที่ 1.13 บาท เพิ่มขึ้น 0.09 บาท มูลค่าซื้อขาย 131.41 ล้านบาท
บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ฯยังคงคำแนะนำลงทุนในหุ้น Commodity ที่หลายกลุ่มได้รับผลกระทบจากประเด็นเรื่องโควิด-19 ไทยที่จำกัด และการเติบโตยังฟื้นตัวตามเศรษฐกิจโลก อาทิ กลุ่มเหล็ก ล่าสุดปัจจัยหนุนราคาทางพื้นฐานของอุตสากรรม ยังมีแรงหนุนจากฝั่ง Supply คือ สินแร่เหล็กต้นน้ำในออสเตรเลียที่ขาดแคลน บวกกับจีนต้องการลดคาร์บอนไดออกไซด์ในอุตสาหกรรมเหล็กลง 30% ให้สำเร็จภายในปี 2568 (เร็วขึ้นจากแผนเดิม 5 ปี) ส่งผลให้โรงเหล็กที่ไม่ได้มาตรฐานต้องปิดตัวลง ขณะที่ปัจจุบัน Demand เหล็กทั่วโลกฟื้นตัวกลับมาระดับสูง ขับเคลื่อนจากภาคการผลิตและภาคก่อสร้าง แต่ Supply เหล็กในจีน (Steel Consumption คิดเป็น 50% ของโลก) ไม่เพียงพอต่อความต้องการเพราะเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง
ทำให้ฝ่ายวิจัยคาดว่าราคาเหล็กยังมีทิศทางที่เป็น Upside Trend ได้ต่อเนื่องไปอีก 3 เดือนหน้าเป็นอย่างน้อย ขณะที่ผู้ผลิตเหล็กกลางน้ำในไทยปัจจุบันได้เร่งกำลังการผลิตขึ้นเป็น 50-60% จากเดิม 30% ในช่วงก่อนหน้า เพราะต้องการส่งออกสินค้าไปขายในตลาดต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกาที่ปัจจุบันราคาเหล็กแผ่นรีดร้อนอยู่ที่ราว 1,100 USD/ตัน เทียบกับราคาขายในประเทศที่ 900 USD/ตัน แม้จะปรับตัวขึ้นมาตั้งแต่ต้นปี แต่ยังต่ำกว่าตลาดต่างประเทศถึงตันละ 200-300 USD
โดยหุ้นที่ฝ่ายวิจัยแนะนำลงทุนคือ TMT ล่าสุด ปรับราคาเป้าหมายปี 64 เพิ่มขึ้นจาก 11 บาท เป็น 14.8 บาท คาดกำไร ไตรมาส 1/64 คาดทำ New High อยู่ที่ 425 ล้านบาท (+145%QoQ,+244%YoY) ขับเคลื่อนจากราคาเหล็กโลกฟื้นตัวสูง หนุนราคาเหล็กเฉลี่ย TMT งวดไตรมาส 1/64 พุ่งแรง 21.8%QoQ มาที่ 24.8 บาท/กก. ขณะที่เดือน เม.ย. 2564 ขยับขึ้นต่อเนื่องอีกราว 5%MoM มาที่ 27 บาท/กก. สูงทะลุสมมติฐานราคา 24 บาท/กก. ทำให้ฝ่ายวิจัยปรับเพิ่มราคาขายเหล็กปี 2564-66 เป็น 26.8-27 บาท/กก. ส่งผลให้ประมาณการปี 2564 เพิ่มขึ้น 34.5% มาที่ 1,075 ล้านบาท