นายปัญญา บุญญาภิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.บี จิสติกส์ (B) เปิดเผยว่า บริษัทคาดผลประกอบการปี 64 จะกลับมามีกำไรสุทธิได้ ตามเป้าหมายการเติบโตของรายได้ที่ 10-15% หลังจากปรับโครงสร้างธุรกิจขนส่งให้มีประสิทธิภาพขึ้นเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและต่อยอดธุรกิจให้มีความแข็งแกร่งในระยะยาว รวมทั้งการบริหารจัดการสินทรัพย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และเพิ่มกลุ่มลูกค้าในธุรกิจขนส่งให้มีหลากหลายเพื่อรองรับการแข่งขัน โดยปัจจุบันบริษัทมีรายได้หลักจากธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้า 70% รายได้อื่นๆอีก 30%
ในขณะเดียวกัน บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตรที่เป็นสัญญารับเหมาช่วง (Subcontract) 3-5 ราย เพื่อหารถบรรทุกหัวลากมาวิ่งเสริมความต้องการลูกค้า ซึ่งปีนี้มองว่าความต้องการใช้บริการขนส่งรถบรรทุกหัวลากจะเพิ่มขึ้นเท่าตัว
ทั้งนี้ ทิศทางทิศทางธุรกิจการขนส่งในประเทศของบริษัทมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้น หลังจากที่บริษัทได้มีการปรับโครงสร้างธุรกิจขนส่งให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยขยายฐานกลุ่มลูกค้าในธุรกิจขนส่งให้มีความหลากหลายมากขึ้น ส่งผลให้ปัจจุบันมีการใช้งานรถบรรทุกหัวลากเต็ม 100% ทุกวัน โดยแบ่งเป็นรถบรรทุกหัวลากของบริษัทเอง 37 คัน และ ของพันธมิตรที่เป็น Subcontract 20 คัน ทำให้บริษัทต้องเร่งหารถบรรทุกหัวลากเพิ่มเติม เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่มีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง
"บริษัทจำเป็นต้องเร่งหา Subcontract เพื่อหารถบรรทุกหัวลากเพิ่มมารองรับความต้องการของลูกค้าที่มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจาก B ขยายฐานลูกค้าให้มีความหลากหลายมากขึ้น ทั้งกลุ่มอาหาร กลุ่มยาและเวชภัณฑ์ กลุ่มอาหารสัตว์ เป็นต้น จากเดิมที่เน้นเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมหนัก "นายปัญญา กล่าว
บริษัทคาดว่าช่วงครึ่งหลังจะเห็นภาพการเติบโตที่ชัดเจนของ B เพราะนอกจากธุรกิจหลักคือธุรกิจขนส่งมีการเติบโตแล้ว บริษัทจะมีรายได้จากเงินลงทุนในบริษัทย่อยกลับเข้ามา ซึ่งประกอบด้วย 1. บริษัทบียอนด์ แคปปิตอล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ที่เข้าไปซื้อหุ้นบริษัทโซลูชั่นส์ มอเตอร์ส ซึ่งประกอบกิจการให้เช่ารถระยะยาวในรูปแบบ Operating Lease และให้เช่าระยะสั้น 2.โครงการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศเวียตนาม และ 3.การลงทุนในบริษัท มูนช็อต เวนเจอร์แคปปิตอล จำกัด