บลูบิค ยื่นไฟลิ่งขาย IPO 25 ล้านหุ้น-เข้า mai ใช้เพิ่มบุคลากร-พัฒนาผลิตภัณฑ์-ขยายลงทุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday April 27, 2021 15:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บลูบิค ยื่นไฟลิ่งขาย IPO 25 ล้านหุ้น-เข้า mai ใช้เพิ่มบุคลากร-พัฒนาผลิตภัณฑ์-ขยายลงทุน

บมจ.บลูบิค กรุ๊ป (BLU) ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 25 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 25% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมด มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท โดยมี บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ปีนี้

นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BLU เปิดเผยว่า บริษัทมีเป้าหมายในการระดมทุนเพื่อเสริมความแข็งแกร่งธุรกิจ มุ่งสู่การเป็นบริษัทคอนซัลต์ด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันชั้นนำระดับภูมิภาค ได้แก่

1. สรรหาบุคลากรคุณภาพสูงและเสริมสร้างทักษะด้านดิจิทัล อาทิ องค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีคลาวด์ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และบล็อกเชน เพื่อรองรับการขยายขอบเขตการให้บริการสำหรับภาคธุรกิจที่มีความหลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น

2. พัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านเทคโนโลยีและดิจิทัลเพื่อให้บริการซอฟต์แวร์ผ่านอินเทอร์เน็ต (Software-as-a-Service หรือ SaaS) รวมทั้งจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (Research and Development Center) ที่จะช่วยตอบสนองความต้องการของลูกค้าด้านดิจิทัลอย่างครบวงจร

3. เสริมศักยภาพการบริหารจัดการภายใน ผ่านการยกระดับระบบซอฟต์แวร์เพื่อรองรับการเติบโตขององค์กร

4. ปรับปรุงพื้นที่สำนักงานเพื่อรองรับการขยายจำนวนบุคลากรในอนาคต และ 5. ลงทุนในธุรกิจเกี่ยวเนื่องและธุรกิจที่มีศักยภาพ เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้และกระจายความเสี่ยงจากภาวะความผันผวนของตลาด

ธุรกิจหลักของ ADD ประกอบด้วย 1. บริการให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์และการจัดการ (Management Consulting) ทำหน้าที่ค้นหาปัจจัยความสำเร็จของธุรกิจ กำหนดทิศทางกลยุทธ์ด้านต่าง ๆ รวมถึงวิเคราะห์ผลกระทบและโอกาสเชิงเศรษฐศาสตร์จากการนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับปรุงธุรกิจ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มที่สามารถจับต้องได้จากการลงทุนของเทคโนโลยี ที่จะทำให้เติบโตได้อย่างก้าวกระโดด (Exponential Growth)

2. บริการที่ปรึกษาการบริหารจัดการโครงการเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic PMO) ทำหน้าที่บริหารโครงการขนาดใหญ่ที่มีความซับซ้อนสูงให้กับองค์กรขนาดใหญ่ และการวางโครงสร้างระบบเทคโนโลยีสารสนเทศภายในองค์กร ซึ่งจะช่วยให้สามารถดำเนินงานได้ตามกรอบระยะเวลาและงบประมาณที่กำหนดไว้

3. บริการพัฒนาระบบดิจิทัลและให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยี (Digital Excellence and Delivery) ทำหน้าที่ให้คำปรึกษาเชิงลึกด้านดิจิทัลครบวงจรและพัฒนาเทคโนโลยีที่เหมาะสมสำหรับองค์กร อาทิ การออกแบบประสบการณ์ของผู้ใช้งานและส่วนติดต่อระหว่างผู้ใช้กับระบบ (UX/UI) บนหน้าเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานอย่างไร้รอยต่อ (Seamless Experience) โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและเพิ่มความคล่องตัวให้กับธุรกิจ

4. บริการที่ปรึกษาด้านการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่และการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูงด้วยปัญญาประดิษฐ์ (Big Data & Advanced Analytics) ทำหน้าที่ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่โดยใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) รวมทั้งให้คำแนะนำในการวางโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูล เพื่อขับเคลื่อนการนำข้อมูลไปใช้สร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรม (Data-Driven Organization)

5. บริการด้านทรัพยากรบุคคลชั่วคราวที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT Staff Augmentation) ทำหน้าที่ให้บริการจัดหาพนักงานผู้เชี่ยวชาญทางด้านไอที อาทิ โปรแกรมเมอร์ นักพัฒนาซอฟต์แวร์ และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อไปปฏิบัติงานตามกำหนดระยะเวลาจนจบโครงการ

ณ วันที่ 31 มี.ค.64 บริษัทมีทุนจดทะเบียน 50,000,000 บาทแบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 100,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท และมีทุนชำระแล้ว 37,500,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 75,000,000 หุ้น โดยภายหลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ บริษัทจะมีทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้วเต็มจำนวน

กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ ประกอบด้วย กลุ่มอารยะการกุล ถือหุ้น 27,255,120 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 36.34% หลังจากเสนอขายหุ้น IPO จะลดสัดส่วนหุ้นลงเหลือ 27.25%, กลุ่มเจียมสกุลทิพย์ ถือหุ้น 15,280,037 หุ้น คิดเป็น 20.38% จะลดสัดส่วนหุ้นลงเหลือ 15.273% และ กลุ่มประภาพรรณพงศ์ ถือหุ้น 849,667 หุ้น คิดเป็น 1.13% จะลดสัดส่วนหุ้นลงเหลือ 0.85%

ผลการดำเนินงานของบริษัทมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 61-63 มีรายได้จากการขายและให้บริการอยู่ที่ 132.76 ล้านบาท 184.94 ล้านบาท และ 200.53 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 22.90% ขณะเดียวกันมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 19.22 ล้านบาท 31.71 ล้านบาท และ 44.29 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็น CAGR ที่ 51.81%

การเติบโตดังกล่าวเป็นผลจากกระแสการเปลี่ยนแปลงโลก (Mega Trends) ที่ผลักดันให้องค์กรธุรกิจต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินงานให้เข้าสู่ยุคดิจิทัล หรือ ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันโดยแสวงหาประโยชน์จากเทคโนโลยี ผนวกกับความเชี่ยวชาญของบลูบิคในฐานะผู้ให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์และการจัดการด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี จึงสนับสนุนผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ให้มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

"จุดแข็งที่ทำให้ บลูบิค เป็นบริษัทคอนซัลต์ที่สามารถให้คำปรึกษาด้านการทำดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชันได้อย่างครบวงจร คือ ความเข้าใจบริบทการทำธุรกิจในประเทศไทย มีบุคลากรคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเทียบชั้นบริษัทระดับโลก และตามทันการเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วของโลกธุรกิจ ทำให้เราสามารถเข้าไปช่วยแก้ไขปัญหา เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และสร้างการเติบโตให้ธุรกิจไทยได้อย่างแท้จริง จากความสำเร็จในการให้บริการลูกค้าองค์กรภายในประเทศ ทำให้บลูบิคมุ่งมั่นจะก้าวไปสู่การเป็นบริษัทคอนซัลต์ชั้นนำระดับภูมิภาค เพื่อนำองค์ความรู้และคุณภาพการทำงานระดับมาตรฐานสากล ไปสร้างคุณค่าทางธุรกิจให้กับองค์กรในหลากหลายภาคอุตสาหกรรม ให้สามารถเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาวในยุค Digital Economy" นายพชร กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิจากงบเฉพาะกิจการ หลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล เงินสำรองตามกฏหมาย และเงินสำรองต่างๆ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ