IEC ได้เงิน 290 ลบ.หลังเลิกสัญญาเป็นตัวแทนผู้ให้บริการ DTAC ก่อนกำหนด

           นางสัณห์จุฑา วิชชาวุธ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ. อินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง (IEC) เปิดเผยว่า บริษัท และ บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) ได้ร่วมกันตกลงยกเลิกสัญญาการเป็นตัวแทนผู้ให้บริการ (Airtime Provider) ฉบับลงวันที่ 10 เมษายน 2541 และสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมฯ ก่อนครบกำหนดอายุสัญญา ( สัญญาดังกล่าวมีกำหนดระยะเวลา 17 ปี นับตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน 2541 จนถึงวันที่ 9เมษายน 2558 ) โดยการยกเลิกสัญญาดังกล่าว บริษัทได้รับสิ่งตอบแทนเป็นเงินสดทั้งสิ้น 290 ล้านบาท
          ทั้งนี้  บริษัทได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงยกเลิกสัญญากับ DTAC ในวันที่ 14 กันยายน 2550 โดยมีผลบังคับนับตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2550
          ส่วนเหตุและผลในการยกเลิกสัญญาการเป็นตัวแทนผู้ให้บริการนั้น ทางบริษัทตกลงยกเลิกสัญญาและจำหน่ายสิทธิในการเป็นตัวแทนผู้ให้บริการ (Airtime   Provider) คืนแก่ DTAC โดยทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกำหนดค่าตอบแทนการเลิกสัญญาก่อนครบกำหนดอายุสัญญาเดิม คิดเป็นเงินจำนวน 290,000,000 บาท ซึ่งบริษัทพิจารณาแล้วเห็นว่ามูลค่าสิ่งตอบแทนที่ได้รับดังกล่าวเป็นราคาที่เหมาะสม เพราะบริษัทสามารถขายคืนธุรกิจที่บริษัทประเมินว่ามีแนวโน้มที่จะได้รับผลตอบแทนในอนาคตที่มีอัตราลดลง โดยการดำเนินการเป็นตัวแทนผู้ให้บริการ (Airtime Provider) ของบริษัทภายใต้สัญญาดังกล่าว ถือเป็นการให้บริการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบจดทะเบียน(Postpaid) และเนื่องจากผู้บริโภคได้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบเติมเงิน (Prepaid) แทนการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบจดทะเบียน (Postpaid) กันมากขึ้น ทำให้การดำเนินธุรกิจภายใต้สัญญาดังกล่าว ประสบปัญหาจำนวนผู้ใช้บริการลดลงอย่างต่อเนื่อง   
          หากบริษัทยังคงดำเนินการตามสัญญาเดิมดังกล่าวต่อไปอีก ในขณะที่จำนวนผู้ใช้บริการลดลงอย่างต่อเนื่อง กอปรกับบริษัทจะต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายทางด้าน Call Center อันเป็นงานที่ต้องรองรับกับสัญญาดังกล่าว   ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อรายได้จากการดำเนินงานในอนาคตจนสิ้นสุดระยะเวลาของสัญญา บวกกับต้นทุนการดำเนินงานที่สูงขึ้น
          สำหรับ ทั้งนี้รายได้ของบริษัทจากการดำเนินการภายใต้สัญญาตัวแทนผู้ให้บริการ (Airtime Provider) ก่อนที่จะทำการยกเลิกสัญญาดังกล่าว คิดเป็นสัดส่วนได้เพียงประมาณร้อยละ 3.68 ของยอดรายได้รวมทั้งหมดของบริษัทในงวดหกเดือนแรกของปี 2550 โดยมีส่วนต่างของรายได้และค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการดำเนินธุรกิจภายใต้สัญญาดังกล่าวเพียงเล็กน้อย  และในอนาคตจะมีแนวโน้มของส่วนต่างของรายได้และค่าใช้จ่ายแคบลงไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการยกเลิกสัญญาดังกล่าวจะไม่มีผลกระทบต่อรายได้หลักของบริษัท อีกทั้งบริษัทก็มิได้สูญเสียโอกาสที่จะได้รับรายได้จากการดำเนินการตามสัญญานี้แต่ประการใด เนื่องจากบริษัทได้รับประโยชน์เป็นค่าตอบแทนในรูปเงินสดทั้งจำนวนในคราวเดียวไว้แล้ว