นายเกษม พันธ์รัตนมาลา กรรมการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ไปไหนไม่ไกลคล้ายกับตลาดต่างประเทศที่แกว่งไซด์เวย์กรอบแคบ หลังจากผลประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินองธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ออกมาเป็นไปตามที่ตลาดคาด โดยมีมติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ 0.00-0.25% พร้อมประกาศว่าจะยังคงซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อย่างน้อย 1.2 แสนล้านดอลลาร์/เดือน
ส่วนบ้านเราวันนี้มีรายงานข่าวว่าจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศดีขึ้น โดยจำนวนไม่ถึง 2 พันราย แต่วานนี้ตลาดฯปรับตัวขึ้นไปมากแล้วจึงอาจต้องเผชิญแรงขายทำกำไรระหว่างทาง และยังต้องติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศต่อไปว่าภาครัฐฯจะควบคุมอยู่หรือไม่ และการฉีดวัคซีนโควิด-19 จะกระจายออกไปได้เร็วขึ้นหรือไม่ ซึ่งหากภาคเอกชนร่วมมือกับภาครัฐฯกระจายการฉีดวัคซีนได้เร็วก็จะทำให้ Sentiment ตลาดฯดีขึ้น และมีโอกาสทะลุแนว 1,600 จุดได้
นอกจากนี้ ให้ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ คาดว่าน่าจะยังอยู่ในระดับสูง และอาจทำให้ตลาดตกใจเล็กน้อย แต่เบื้องต้นมองว่าเงินเฟ้อสูงมาจากฐานปีที่แล้วต่ำเพราะเจอผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19
พร้อมให้แนวรับ 1,560 จุด ส่วนแนวต้าน 1,580 จุด
ด้านนายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งขึ้นได้อีกเล็กน้อย คล้ายกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียแกว่งแดนบวกแคบ ๆ ประมาณ 0.2-0.3% จาก Sentiment ของผลการประชุม FOMC ที่มีมุมมองเป็นกลางถึงบวก
ทั้งนี้ ยังต้องติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดย SCC งบฯออกมาค่อนข้างดี ขณะที่ BH ออกมาค่อนข้างน่าผิดหวัง เป็นต้น
ให้แนวต้านที่ 1,587-1,590 จุด ส่วนแนวรับ 1,550-1,560 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (28 เม.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,820.38 จุด ลดลง 164.55 จุด (-0.48%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,183.18 จุด ลดลง 3.54 จุด (-0.08%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,051.03 จุด ลดลง 39.19 จุด (-0.28%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 1.009 จุด และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 196.87 จุด ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการวันนี้ (29 เม.ย.) เนื่องในวันโชวะ
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (28 เม.ย.)1,576.79 จุด เพิ่มขึ้น 17.56 จุด (+1.13%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,009.07 ล้านบาท เมื่อวันที่ 28 เม.ย.64
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มิ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (28 เม.ย.) ปิด 63.86 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 92 เซนต์ หรือ 1.5%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (28 เม.ย.) อยู่ที่ 3.14 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.29 แข็งค่าตามทิศทางตลาด จากดอลลาร์อ่อนค่าหลังเฟดคงดบ.-วงเงิน QE
- สถานการณ์ภาคการผลิตอุตสาหกรรมเริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (เอ็มพีไอ) เดือน มี.ค.อยู่ที่ระดับ 107.73 เพิ่มขึ้น 4.12% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน กลับมาเป็นบวกและเป็นการขยายตัวสูงสุดในรอบ 29 เดือน (ต.ค.61-ก.พ.64) และอัตราการใช้กำลังการผลิต 69.59% จากเดือน ก.พ.อยู่ที่ 65.06% สะท้อนให้เห็นแนวโน้มภาคการผลิตเติบโตตามเศรษฐกิจของโลกที่ดีขึ้น และรัฐบาลไม่ได้ใช้มาตรการล็อกดาวน์ กลุ่มแพร่ระบาดไม่ได้อยู่ในกลุ่มแรงงานและโรงงาน
- เอดีบีคาดเศรษฐกิจไทยรับผลกระทบอย่างมากจากโควิด-19 ระบาด แต่ปีนี้ GDP กระเตื้องมาอยู่ที่ 3% ปีหน้าโต 4.5% ขณะที่ "อาคม" ยันมีงบกว่า 4 แสนล้านดูแลเศรษฐกิจ
- กระทรวงการคลัง เตรียมดึง "การบินไทย" กลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจ อีกครั้ง ให้กองทุนวายุภักษ์ ขายหุ้นให้ "ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์" ที่คลังถือหุ้น 100% เพื่อให้ใส่เงินเสริมสภาพคล่อง ขณะที่ "คมนาคม" ลุยค้านแหลก กระทบเพดานหนี้สาธารณะ เพิ่มเข้ามาทันที 3 แสนล้านบาท แถมต้องนำภาษีอากรของคนทั้งชาติมาจ่ายให้อีกปีละ 5 หมื่นล้านบาท ขณะที่ รมว.คลัง เผยยังไม่มีข้อสรุป รอความชัดเจนแผนฟื้นฟูฯ ก่อน ด้าน "ศักดิ์สยาม" เคาะ 3 มาตรการช่วยแอร์ไลน์ สู้วิกฤตโควิด
- สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างเดือนมี.ค.2564 เท่ากับ 110.2 เทียบกับเดือนมี.ค.2563 สูงขึ้น 5.4% และสูงขึ้นเกือบทุกหมวดสินค้า โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กสูงขึ้นถึง 23.7% ส่งผลให้ไตรมาส 1/64 เทียบกับไตรมาสเดียวกันกับปีที่แล้วสูงขึ้น 4.4%
*หุ้นเด่นวันนี้
- PROEN (บมจ. โปรเอ็น คอร์ป) เทรดวันนี้วันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ราคา IPO ที่ 3.25 บาท/หุ้น โดย บล.ฟินันเซีย ไซรัส เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่าย PROEN ประเมินราคาเป้าหมายตามปัจจัยพื้นฐานที่ 3.40 บาท มีมุมมองเชิงบวกต่อผลการดำเนินงานในปี 64-67 จากแนวโน้มการเติบโตพื้นที่เช่า Data Center โดยเฉพาะลูกค้ากลุ่ม Garena มีแนวโน้มการเติบโตโดดเด่นในระยะยาว คาดกำไรปี 64 เติบโต 31% CAGR
บริษัทเป็นผู้ให้บริการพื้นที่เช่า Data Center และบริการ Add-on ทั้งอินเตอร์เน็ตองค์กร การจัดหาอุปกรณ์โทรคมนาคม และให้บริการ Cyber Security และมีธุรกิจรับเหมาก่อสร้างด้านโทรคมนาคมและสาธารณูปโภคพื้นฐานเป็นอีกปัจจัยหนุนการเติบโต
- TTA (เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 17 บาท ค่าระวางเรือ BSI ยืนเหนือระดับ 2 พันจุด หนุนด้วย Demand ของเรือเทกองเพิ่มขึ้น คาดทำให้ Earning ในช่วง H1/64 สดใส ประเมินกำไร Q1/64 ที่ 224 ลบ.พลิกจากขาดทุนใน Q1/63 และ +103%QoQ อีกทั้งปรับมาจ่ายปันผลระหว่างกาล สะท้อนมุมมองของบริษัทต่อผลการดำเนินงานช่วงที่เหลือของปีว่าจะยังดีต่อเนื่อง พร้อมประเมินกำไรสุทธิปี 64-65 ที่ 752 ลบ. และ 768 ลบ. พลิกจากขาดทุนปีก่อน, +2.2%YoY ในปี 65 ตามลำดับ
- PTTEP (กสิกรไทย) "ซื้อ"เป้า 134 บาท คาดว่ากำไรจะแข็งแกร่งต่อเนื่อง ด้วย upside จากโครงการ SK410B และโรงไฟฟ้าพลังก๊าซ กำไรไตรมาส 1/64 อยู่ที่ 1.15 หมื่นลบ.ดีกว่าคาด 180% จากการต่อรองราคาซื้อที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด ส่วนกำไรปกติก็ออกมาดีกว่าคาดจากต้นทุนหน่วยผลิตที่ดีขึ้น ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 64 ขึ้น 6% เพื่อสะท้อนรายการพิเศษและต้นทุนหน่วยผลิตที่ลดลง ปัจจัยเสี่ยงคือความล่าช้าของโครงการโมซัมบิกและเอราวัณ
- PTTGC (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 80 บาท คาดงบ Q1/64 พลิกมีกำไรสุทธิ 9.9 พันล้านบาท เทียบกับขาดทุนสุทธิ 8.8 พันล้านบาทใน Q1/63 และเพิ่มขึ้น 54%qoq จากค่าการกลั่นฟื้น, ปิโตรเคมีเด่น ทั้งโอเลฟินส์และอะโรเมติกซ์ และยังมี Stock gain