บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศอันดับเครดิตองค์กรและตราสารหนี้ของ บมจ. เอ็ม บี เค (MBK) ที่ระดับ “A-" ด้วยแนวโน้ม “Stable" หรือ “คงที่" โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงการมีศูนย์การค้าใจกลางเมืองที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักโดยทั่วไปของบริษัท การมีจำนวนลูกค้าเดินในศูนย์การค้าค่อนข้างมาก การมีกระแสเงินสดที่แน่นอน ตลอดจนการมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และความยืดหยุ่นในการระดมเงินทุนผ่านการให้เช่าพื้นที่ระยะยาว (เซ้ง) แก่ผู้เช่าศูนย์การค้าหลังจากการต่อสัญญาเช่าแล้ว
อย่างไรก็ตาม จุดเด่นดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากค่าเช่าศูนย์การค้าของบริษัทที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับอัตราของสัญญาเดิมซึ่งกำลังจะหมดอายุในปี 2556 และแผนการขยายงานของบริษัทในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าซึ่งต้องการใช้เงินลงทุนจำนวนมาก
ทั้งนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศที่ลดลงจากสถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่แน่นอนและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลง
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" ของบริษัทอยู่บนพื้นฐานการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถดำรงกระแสเงินสดที่ได้จาก"ศูนย์การค้าเอ็มบีเค เซ็นเตอร์" ของบริษัทให้อยู่ในระดับคงที่ และแม้ว่าบริษัทจะมีรายจ่ายฝ่ายทุนที่ค่อนข้างมากสำหรับแผนในปี 2550-2553 แต่ก็คาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาระดับอัตราหนี้สินต่อทุนไม่ให้เกิน 1 เท่าได้ในระยะปานกลาง สถานะเครดิตของบริษัทอาจเปลี่ยนแปลงได้หากบริษัทมีแหล่งของกระแสเงินสดที่กระจายตัวมากขึ้น หรือหากบริษัทสามารถผลักภาระต้นทุนค่าเช่าที่เพิ่มสูงขึ้นภายใต้สัญญาเช่าใหม่ให้แก่ผู้เช่าได้ ทั้งนี้โดยที่บริษัทยังสามารถรักษาระดับความแข็งแกร่งทางการเงินเอาไว้ได้ด้วย
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทเอ็ม บี เค เป็นผู้ประกอบการศูนย์การค้าที่มีชื่อเสียงในใจกลางกรุงเทพมหานครภายใต้ชื่อศูนย์การค้าเอ็มบีเค เซ็นเตอร์ นอกจากนี้ บริษัทยังดำเนินธุรกิจโรงแรม สนามกอล์ฟ โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย และโรงสีข้าวด้วย แม้ว่าบริษัทจะดำเนินธุรกิจที่หลากหลาย แต่ผลประกอบการของบริษัทยังคงพึ่งพาศูนย์การค้าเอ็มบีเค เซ็นเตอร์ เป็นหลัก ศูนย์การค้าดังกล่าว รวมถึงโรงแรมปทุมวันปริ๊นเซสซึ่งตั้งอยู่บนที่ดินเช่าใจกลางเมืองถือเป็นสินทรัพย์ที่มีความสำคัญต่อบริษัทเป็นอย่างมาก โดยในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมาสามารถสร้างรายได้และกระแสเงินสดให้แก่บริษัทได้ประมาณ 45% และ 70% ตามลำดับ ที่ดินเช่าดังกล่าวซึ่งจะหมดสัญญาในปี 2556 จะมีการต่อสัญญาภายในปลายปี 2550 หลังจากที่บริษัทและเจ้าของที่ดินสามารถบรรลุข้อตกลงในเงื่อนไขของสัญญาเช่าใหม่ร่วมกัน
นอกจากนี้ ข้อตกลงดังกล่าวยังได้ผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีในเดือนกันยายน 2550 ที่ผ่านมาด้วย แม้ว่าค่าเช่ารายปีที่จะต้องจ่ายภายใต้สัญญาใหม่ซึ่งจะเริ่มชำระในปี 2556 จะสูงขึ้นมากกว่าอัตราค่าเช่าภายใต้สัญญาเช่าเดิมเป็นอย่างมากก็ตาม แต่การที่บริษัทสามารถต่อสัญญาเช่ากับเจ้าของที่ดินได้จะทำให้บริษัทมีความยืดหยุ่นทางการเงินมากขึ้นเนื่องจากผู้บริหารสามารถระดมเงินทุนผ่านการให้เช่าพื้นที่ระยะยาว (เซ้ง) แก่ผู้เช่า และสามารถรับเงินค่าเช่าล่วงหน้าเป็นเงินก้อนได้
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า บริษัทเอ็ม บี เค มีผลการดำเนินงานที่มั่นคงในช่วงเวลาที่ผ่านมา รายได้ของบริษัทเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องถึงระดับ 5,220 ล้านบาทในปี 2549/2550 จากเดิมที่ 3,941 ล้านบาทในปี 2547/2548 ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทยังคงแข็งแกร่งเนื่องจากบริษัทได้รับประโยชน์จากอัตราค่าเช่าจากสัญญาเช่าปัจจุบันที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับค่าเช่าในอัตราปัจจุบัน โดยกำไรเบื้องต้นจากการดำเนินงานของบริษัทค่อนข้างแน่นอนในช่วงหลายปีที่ผ่านมาอยู่ที่ประมาณ 36% ในขณะที่อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเพิ่มขึ้นจาก 25% ในปี 2547/2548 เป็น 49% ในปี 2549/2550 เช่นเดียวกันกับอัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้นจาก 16.5 เท่าในปี 2547/2548 เป็น 19.9 เท่าในปี 2549/2550
อย่างไรก็ตาม แม้อัตราส่วนกระแสเงินสดต่อภาระหนี้และสัดส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะอ่อนตัวลงอันเป็นผลจากภาระผูกพันที่จะเกิดขึ้นจากสัญญาเช่าฉบับใหม่ก็ตาม แต่ฐานะทางการเงินของบริษัทจะยังคงแข็งแกร่งต่อไปในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ การมีเงินลงทุนในบริษัทอื่นที่ค่อนข้างสูง (ในสัดส่วน 28% ของสินทรัพย์รวม) สะท้อนให้เห็นถึงนโยบายการลงทุนในสัดส่วนที่สูงขึ้นในบริษัทต่างๆ ที่บริษัทไม่มีส่วนในการบริหารงานโดยตรง ทั้งนี้ ด้วยเงินลงทุนดังกล่าวนอกจากจะสร้างรายได้ประจำจากเงินปันผลให้แก่บริษัทแล้ว ยังจะเพิ่มความยืดหยุ่นทางการเงินให้แก่บริษัทได้ในระดับหนึ่งด้วย
มูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศที่ลดลงในปัจจุบันได้ทำให้ความเชื่อมั่นและการใช้จ่ายของผู้บริโภคลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยดัชนีค้าปลีกชะลอตัวลงในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2550 ในขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคยังคงมีระดับที่ต่ำกว่า 100 ติดต่อกันถึง 38 เดือน อย่างไรก็ตาม บริษัทเอ็ม บี เค ไม่น่าจะได้รับผลกระทบในทันทีจากปัจจัยลบดังกล่าวเนื่องจากสัญญาเช่าพื้นที่กับผู้เช่าของบริษัทเป็นสัญญาที่มีระยะเวลาหลายปี ทริสเรทติ้งกล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/นิศารัตน์/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--