นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.ดุสิตธานี (DTC) เปิดเผยว่า บริษัทพร้อมเดินหน้าลงทุนโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค หลังที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 28/2564 เมื่อวันที่ 29 เม.ย.ที่ผ่านมา มีมติเป็นเอกฉันท์อนุมัติการเพิ่มเงินลงทุนในโครงการ ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ตามสัดส่วนการถือหุ้นในโครงการ จำนวน 4,335 ล้านบาท จากเงินลงทุนเดิม 12,915 ล้านบาท เพิ่มเป็น 17,250 ล้านบาท
ทั้งนี้ เงินลงทุนในโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค จะเป็นเงินลงทุนจากส่วนของผู้ถือหุ้นและวงเงินจากสถาบันการเงิน โดยเงินทุนที่เพิ่มขึ้นในส่วนนี้ จะนำไปพัฒนาโครงสร้างและพื้นที่โดยรวมของโรงแรม อาคารที่พักอาศัย และโครงการศูนย์การค้า ส่งผลให้พื้นที่ใช้งานโดยรวมเพิ่มขึ้นเกือบ 1 ใน 3
บริษัทเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าการเพิ่มวงเงินลงทุนในการพัฒนาโครงการฯ จะเป็นการดึงศักยภาพของสถานที่ตั้งโครงการออกมาได้มากขึ้น เนื่องจากโครงการ ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางย่านเศรษฐกิจและการค้า และสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศไทย และพื้นที่โครงการตั้งอยู่ในจุดเชื่อมต่อระหว่างรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ที สถานีสีลมและรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีศาลาแดง ทำให้สามารถเดินทางไปมาระหว่างโครงการกับสถานที่อื่นๆ ได้สะดวกมากขึ้น ดังนั้น สถานที่ตั้งโครงการจึงถือว่ามีความพิเศษโดยตัวเองอยู่แล้ว ซึ่งการเพิ่มวงเงินลงทุนในโครงการจะทำให้โครงการมีภาพลักษณ์ที่ดีขึ้นและสอดคล้องกับลูกค้าระดับลักชัวรี (Luxury) และซุเปอร์ลักชัวรี (Super Luxury) มากขึ้น ส่งผลให้โครงการสามารถกำหนดราคาห้องพักโรงแรม ราคาจำหน่ายห้องพักอาศัยและราคาเช่าพื้นที่ศูนย์การค้าที่สูงขึ้นได้
ขณะที่การเพิ่มวงเงินลงทุนโครงการโรงแรม จะสามารถสร้างจุดเด่นของโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ แห่งใหม่ สานต่อวิสัยทัศน์ในการเป็นสัญลักษณ์ของโรงแรมไทยที่ได้รับมาตรฐานระดับโลก รวมถึงการดึงเรื่องราวที่เป็นเอกลักษณ์แห่งความทรงจำของโรงแรมดุสิตธานีเดิม รักษาเจตนารมณ์ในการเป็นแลนด์มาร์คหรือหมุดหมายใจกลางเมืองของดุสิตธานี สร้างจุดดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางมายังประเทศไทย เช่นเดียวกับการเพิ่มวงเงินลงทุนในโครงการอาคารที่พักอาศัย จะเป็นการเพิ่มความน่าสนใจของโครงการต่อกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ ซึ่งก่อนหน้าที่ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระได้รายงานการประเมินมูลค่าปัจจุบันสุทธิจากการลงทุนในโครงการพัฒนาโรงแรม อาคารที่พักอาศัยและโครงการศูนย์การค้าต่อผู้ถือหุ้นแล้วมีความเห็นว่า การเพิ่มวงเงินลงทุนในโครงการมีความเหมาะสม เนื่องจากมีมูลค่าปัจจุบันสุทธิของกระแสเงินสดเป็นบวก และสูงกว่าที่เคยประเมินไว้เดิม
"เรามั่นใจว่า การตัดสินใจเพิ่มวงเงินลงทุนในภาวะที่ธุรกิจมีความท้าทายจากความไม่แน่นอนของปัจจัยต่างๆ เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะนำมาซึ่งการเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจในอนาคต โดยเฉพาะความท้าทายจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้กลุ่มดุสิตธานีและ บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา หรือ CPN ผู้ร่วมทุนในโครงการ ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ได้ตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงของวิถีชีวิตของลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย และทำให้เราสามารถปรับเปลี่ยนแผนการลงทุนให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวได้อย่างทันท่วงที ภายใต้การประเมินอย่างรอบคอบ รอบด้านและรัดกุม ภายใต้ความเสี่ยงที่นำมาพิจารณาอย่างเข้มงวด" นางศุภจีกล่าว