CONSENSUS: โบรกฯเชียร์ ซื้อ TU คาดผลงาน Q2/64 ฟื้นหลังหลายประเทศทยอยเปิดเมือง

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday April 30, 2021 14:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ต่างเชียร์"ซื้อ"หุ้นบมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) แนวโน้มผลงานไตรมาส 2/64 มีทิศทางฟื้นตัว หลังหลายประเทศต่างทยอยเปิดเมือง โดยเฉพาะในสหรัฐฯและยุโรปที่มีการเร่งฉีดวัคซีนโควิด-19 ต่อเนื่อง ส่งผลให้แนวโน้มการบริโภคทยอยกลับมาเพิ่มขึ้น และช่วยหนุนให้ธุรกิจจำหน่ายอาหารทะเลแช่แข็งกลับมาฟื้นตัว อีกทั้งในช่วงไตรมาส 2/64 ยังเป็นช่วง High Season ของธุรกิจ

ขณะที่ธุรกิจร้านอาหาร Red Lobster ในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นธุรกิจที่บริษัทยังคงรับแรงกดดันจากผลขาดทุนที่เข้ามาอยู่ แต่ในช่วงไตรมาส 2/64 หลังสหรัฐฯกลับมาเปิดเมือง ทำให้คนกลับมาทานอาหารในร้านอาหารมากขึ้น ซึ่งจะหนุนให้ธุรกิจร้านอาหาร Red Lobster ให้มีผลขาดทุนลดลง แต่ก็ยังมีแนวโน้มที่จะขาดทุนอยู่ในปี 64

หุ้น TU ปิดเช้าที่ 15.10 บาท ลดลง 0.10 บาท (-0.66%) ขณะที่ดัชนี SET ปิดเช้าลบ 3.37 จุด

          โบรกเกอร์                   คำแนะนำ               ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
          เอเซีย พลัส                     ซื้อ                       20.00
          ทิสโก้                          ซื้อ                       19.00
          คันทรี่ กรุ๊ป                      ซื้อ                       18.60
          ทรีนีตี้                          ซื้อ                       18.40
          ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย)      ซื้อ                       17.40
          ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย)      ซื้อ                       17.00

นายเอนกพงศ์ พุทธาภิบาล ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัส คาดผลงานของ TU ในช่วงไตรมาส 2/64 จะกลับมาฟื้นหลังจากในช่วงไตรมาส 1/64 ผ่านช่วง Low season ไปแล้วในไตรมาส 1/64 และการที่สถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ในสหรัฐฯและยุโรป ซึ่งเป็นตลาดหลักของ TU เริ่มคลี่คลายลง หลังจากมีการเร่งฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชนอย่างรวดเร็ว ทำให้การทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ในสหรัฐฯและยุโรปกลับมาเพิ่มมากขึ้น และทิศทางเศรษฐกิจที่กลับมาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ทำให้การบริโภคในสหรัฐฯและยุโรปฟื้นกลับมาได้เร็ว หนุนต่อการฟื้นตัวของธุรกิจ

ทั้งนี้ ประเมินว่าในไตรมาส 2/64 ธุรกิจส่งออกกุ้งและทูน่าจะเป็นปัจจัยหนุนหลักให้กับภาพรวมการฟื้นตัวกลับมาของ TU และตลอดทั้งปี 64 ซึ่งการรับรู้ผลขาดทุนจากธุรกิจร้านอาหาร Red Lobster ในช่วงไตรมาส 2/64 จะเริ่มลดลงต่อเนื่อง หลังจากการควบคุมโควิด-19 และการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทำได้ดีมาก ทำให้คนเริ่มกลับเข้ามาทานอาหารในร้านอาหารมากขึ้น อีกทั้งแนวโน้มค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงจะช่วยส่งผลบวกต่อภาพรวมของผลการดำเนินของบริษัทได้อย่างมีนัยสำคัญในช่วงไตรมาส 2/64

ด้านนายเดชธนา ฟางสะอาด ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์รายย่อย บล.คันทรี่ กรุ๊ป มองทิศทางผลงานของ TU ในช่วงไตรมาส 2/64 จะเห็นการเติบโตมากขึ้นจากไตรมาส 1/64 โดยที่แนวโน้มของยอดขายกลุ่มสินค้าอาหารแช่แข็งจะกลับมาดีขึ้น จากการที่หลาย ๆ ประเทศในต่างประเทศ โดยเฉพาะในสหรัฐฯ และยุโรป ได้เริ่มกลับมาเปิดเมืองอีกครั้ง หลังจากการติดเชื้อโควิด-19 ชะลอตัว และมีการฉีดวัคซีนเพิ่มมากขึ้น และทิศทางของราคาต้นทุนปลาทูน่าที่ค่อย ๆ ขยับเพิ่มขึ้น จะทำให้บริษัทมีโอกาสปรับราคาขายได้มากขึ้น ช่วยหนุนผลงานในช่วงไตรมาส 2/64 เป็นต้นไป

นอกจากนี้ ร้านอาหาร Red Lobster ในสหรัฐฯคาดว่าจะมีผลขาดทุนเข้ามาลดลง หลังจากที่สหรัฐฯเริ่มเปิดเมืองได้เต็มที่มากขึ้น ทำให้คนกลับมาทานอาหารในร้านอาหารมากขึ้น ส่งผลบวกต่อภาพรวมของผลการดำเนินของ TU ให้สามารถกลับมาฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่

สำหรับนายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) มองผลงานของ TU ในช่วงไตรมาส 2/64 ได้รับอานิสงส์บวกจากการบริโภคในต่างประเทศที่เริ่มกลับมา โดยเฉพาะในสหรัฐฯและยุโรป ที่มีการเร่งฉีดวัคซีนให้กับคนในประเทศ และการติดเชื้อโควิด-19 ค่อย ๆ ปรับตัวลดลง และเริ่มกลับมาเปิดเมือง ซึ่งมองว่าจะทำให้การขายอาหารทะเลแช่แข็งกลับมาเพิ่มมากขึ้น และในส่วนของธุรกิจร้านอาหาร Red Lobster ในสหรัฐฯคาดว่าจะมีลูกค้าเข้ามาทานอาหารในร้านมากขึ้น ทำให้ผลขาดทุนจาก Red Lobster ลดลงมาได้ค่อนข้างมากในช่วงไตรมาส 2/64 จากการกลับมาเปิดเมืองของสหรัฐฯ

อย่างไรก็ตาม ในปี 64 มองว่าภาพรวมผลการดำเนินงานของ TU อาจจะยังไม่ได้กลับมาฟื้นตัวอย่างก้าวกระโดด เพราะเพิ่งเป็นช่วงที่ต่างประเทศเริ่มทยอยเปิดเมือง และไม่ได้เปิดพร้อมกันทุกประเทศ ทำให้การบริโภคต่าง ๆ จะเป็นลักษณะค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้น โดยที่แนวโน้มยอดขายในปี 64 คาดว่าจะเติบโตได้ 3-5% จากปีก่อน แต่ในส่วนของกำไรคาดว่าจะยังทรงตัวจากปีก่อน เพราะยังมีผลขาดทุนจากธุรกิจร้านอาหาร Red Lobster ในสหรัฐฯที่ยังคงกดดันอยู่ แต่ยังมองว่าเป็นหุ้นที่น่าสนใจที่อิงกับการฟื้นตัวของการบริโภคหลังจากโควิด-19 ค่อย ๆ คลี่คลายลง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ