(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: วิตกตลาดอสังหาฯชะลอ ถ่วงดาวโจนส์ปิดลบ 20.40 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday October 18, 2007 06:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดรูดลงท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวนเมื่อคืนนี้ (17 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ชะลอตัวลงและภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อ นอกจากนี้ การที่ราคาน้ำมันดิบยังเคลื่อนไหวอยู่เหนือระดับ 87 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล นับเป็นอีกปัจจัยที่ฉุดตลาดร่วงลงเช่นกัน 
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลดลง 20.40 จุด หรือ 0.15% แตะระดับ 13,892.54 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ดีดขึ้น 2.71 จุด หรือ 0.18% ปิดที่ 1,541.24 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 28.76 จุด หรือ 1.04% ปิดที่ 2,792.67 จุด
ปริมาณซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 1.42 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 17 ต่อ 16 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ประมาณ 2.41 พันล้านหุ้น
รายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทยาฮู อิงค์ และอินเทล คอร์ป ช่วยกระตุ้นนักลงทุนให้ส่งคำสั่งซื้อเข้าหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และช่วยพยุงดัชนี Nasdaq ดีดขึ้นปิดในแดนบวก
นอกเหนือจากความกังวลเรื่องตลาดอสังหาริมทรัพย์และตลาดสินเชื่อแล้ว ดัชนีดาวโจนส์ยังได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลประกอบการโดยรวมของบริษัทในสหรัฐ โดยเฉพาะเมื่อบริษัทอินเตอร์เนชันแนล บิสิเนส แมชีนส์ (ไอบีเอ็ม) รายงานยอดขายที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก
นายปีเตอร์ ดูเนย์ นักวิเคราะห์จากบริษัทลี้บ แคปิตอล เมเนจเมนท์ ในกรุงนิวยอร์ก คาดการณ์ว่า "ผลประกอบการไตรมาส 3 มีแนวโน้มซบเซา นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลต่อกระแสคาดการณ์ที่ว่าผลประกอบการไตรมาส 4 จะซบเซาลงด้วย ผมมองว่าตลาดแทบจะไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามาสนับสนุนในระยะนี้"
นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านในเดือนก.ย.ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 14 ปี ขณะที่การอนุญาตก่อสร้างลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่กลางปี 2536
ขณะที่รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) บ่งชี้ว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐชะลอลงนับตั้งแต่เดือนส.ค.และตลาดที่อยู่อาศัยยังคงซบเซา
หุ้นไอบีเอ็มร่วงลง 3.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขกำไรที่เพิ่มขึ้นเพียง 6% ขณะที่หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยี ดิ่งลง 3.6% หลังจากบริษัทคาดการณ์ว่าธุรกิจของบริษัทในต่างประเทศ โดยเฉพาะในสหรัฐ มีแนวโน้มชะลอตัวลง
ส่วนหุ้นเจพีมอร์แกน พุ่งขึ้น 2.8% หลังจากตัวเลขกำไรของบริษัทเพิ่มขึ้น 2% ขณะที่หุ้นยาฮูดีดขึ้น 8% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบที่สร้างความพอใจให้กับนักลงทุน และหุ้นอินเทลทะยานขึ้น 55 หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการเพิ่มขึ้น 43%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ