นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ให้น้ำหนักในทางอ่อนลง จากความวิตกอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯอาจปรับขึ้นเร็วกว่าคาด หลังจากนางเจเน็ต เยลเลน รมว.คลังสหรัฐระบุว่าอาจจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อไม่ให้เศรษฐกิจสหรัฐร้อนแรงเกินไปจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน มีแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่อาจทำให้เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น
ทั้งนี้ ตลาดในเอเชียวันนี้จะเปิดทำการบางตลาด โดยตลาดหุ้นญี่ปุ่น, จีน และเกาหลีใต้ ปิดทำการวันนี้ ซึ่งตลาดบ้านเราอาจได้รับแรงหนุนบ้างจากหุ้นกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น รวมทั้งผลประกอบการกลุ่มแบงก์ และกลุ่ม Real Sector ออกมาดีกว่าคาด โดยอาจได้รับแรงเก็งกำไรในช่วงตลาดปรับลง
อย่างไรก็ดี ต้องติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในประเทศอย่างใกล้ชิด หลังจากที่ช่วงวันหยุดจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 เร่งตัวขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ชุมชนแออัด อีกทั้งวันนี้จะมีหุ้นที่ขึ้นเครื่องหมาย XD อย่างหุ้น CPALL, TOA, OSP ซึ่งจะถ่วงดัชนีฯราว 1.6 จุด
นอกจากนั้น วันนี้ยังจะมีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) คาดว่าจะมีการพิจารณามาตรการเยียวยาเพิ่มเติม, การประชุม คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และ ตัวเลขเงินเฟ้อ ส่วนนอกประเทศให้ติดตามการทยอยประกาศตัวเลข PMI ภาคบริการของทั้งสหรัฐฯ และยุโรป และวันศุกร์นี้ให้ติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ
พร้อมให้แนวรับ 1,575-1,576 ถัดไป 1,570 จุด ส่วนแนวต้าน 1,595 จุด
ด้านนายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะรับแรงกดดันจาก รมว.สหรัฐระบุว่าอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อลดความร้อนแรงทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ซึ่งจะส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้น กระทบต่อภาพการลงทุน โดยเฉพาะกลุ่มหุ้นที่ซื้อขายด้วย Valuation สูง อย่างกลุ่มเทคโนโลยี แต่ประเมินว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยอาจไม่เกิดขึ้นเร็วมากนัก โดยอาจใช้เวลาเป็นปี จึงมองเป็นปัจจัยที่รบกวนตลาดในระยะสั้นเท่านั้น
พร้อมให้ติดตามผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ทยอยประกาศออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยให้แนวรับ 1,560 จุด ส่วนแนวต้าน 1,600 จุด