นายประกรณ์ เมฆจำเริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK) เปิดเผยว่า บริษัทชนะประมูลงานโครงการในประเทศเวียดนาม ได้แก่ งานสายส่งกำลังไฟฟ้า (Transmission line) ของการไฟฟ้าเวียดนาม (Vietnam Electricity หรือ EVN) และงานโรงไฟฟ้าในเวียดนามตอนกลางและตอนใต้ ในเมืองดานัง โฮจิมินห์ ล็องอาน และกว๋างนาม มูลค่ารวมประมาณ 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 1,500 ล้านบาท
บริษัทยังได้รับคำสั่งซื้อสายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ลจากกลุ่มประเทศในแถบภูมิภาคเอเชียใต้ ประกอบด้วยงานจากโครการลงทุนรถไฟฟ้าใต้ดินในเมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย งานจากรัฐบาลบังกลาเทศ และงานจากรัฐบาลศรีลังกา มูลค่ารวมประมาณ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 3,000 ล้านบาท
"ด้วยประสบการณ์ในวงการอุตสาหกรรมสายไฟและสายเคเบิ้ล รวมไปถึงการมีผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ลูกค้า โดยเฉพาะนวัตกรรมการผลิตด้วยสุดยอดเทคโนโลยี ทำให้สินค้ามีคุณภาพ และความปลอดภัยสูง จนเป็นที่ยอมรับในระดับโลก จึงเป็นปัจจัยที่ทำให้บริษัทฯ ได้รับงานจากโครการขนาดใหญ่ในครั้งนี้ และคาดว่าโครงการดังกล่าวจะช่วยผลักดันให้งานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 13,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่อง" นายประกรณ์ กล่าว
ปัจจุบัน บริษัทยังอยู่ระหว่างรอลุ้นผลการประมูลงานประเภท High Potential ในประเทศไทยเพิ่มเติม เช่น โครงสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานรถไฟฟ้าระบบรางเดี่ยว และโครงการนำสายเคเบิ้ลลงใต้ดินของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) รวมมูลค่ากว่า 4,500 ล้านบาท หรือ 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คาดว่าจะทราบผลการประมูลบางส่วนในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้
รวมทั้งยังอยู่ระหว่างรอลุ้นผลการประมูลงาน High Potential ในประเทศเวียดนาม จากทั้งภาครัฐ (B2G) และผู้ประกอบการ (B2B) โดยส่วนใหญ่เป็นงานสายส่งกำลังไฟฟ้าจากเมืองฮานอย ดานัง บิ่ญเฟื้อก และโรงไฟฟ้าในดาลักและโฮจิมินห์ รวมมูลค่ากว่า 4,500 ล้านบาท หรือ 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คาดว่าจะทราบผลการประมูลบางส่วนภายในปีนี้เช่นกัน
อย่างไรก็ตามแม้ว่าภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากผลกระทบของการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 แต่บริษัทฯ มองว่าแนวโน้มอุตสาหกรรมสายไฟฟ้าและสายเคเบิลมีแนวโน้มการเติบโตได้อย่างโดดเด่นจากความต้องการใช้เพิ่มขึ้นในทั่วทุกมุมโลกอย่างต่อเนื่อง
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 64 บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายรายได้ในปีนี้ เติบโต 15-20% และมั่นใจว่าจะสามารถสร้างประวัติการณ์สูงสุดต่อเนื่องโดยจะมาจากรายได้หลักคือ ธุรกิจสายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ล ที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีไปพร้อมกับอุตสาหกรรมไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ และยังคงมุ่งเน้นการขายสินค้าในกลุ่มที่มีความสามารถในการทำกำไรได้สูง (High Margin) โดยเฉพาะกลุ่มสายไฟแรงดันระดับกลาง จนถึงระดับสูงพิเศษที่มีการเติบโตสูง เพื่อรองรับโครงการต่างๆ ของภาครัฐและเอกชน พร้อมกับการควบคุมต้นทุน และค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการบริหารจัดการร่วมกันของกลุ่มบริษัท จะช่วยให้เพิ่มความสามารถในการทำกำไรมากขึ้นอีกด้วย