นายธรรมศักดิ์ จิตติมาพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอฟเอ็น แฟคตอรี่ เอ๊าท์เลท (FN) กล่าวว่า บริษัทได้ลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการพัฒนาผลิตภัณฑ์สำเร็จ (Finished product) กับ บมจ.ดีโอดี ไบโอเทค (DOD) โดยทาง DOD จะเป็นผู้วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์สำเร็จ และดำเนินการผลิตผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเครื่องสำอางประเภทบำรุงผิว (Skin care) กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมจากสารสกัดจากกัญชง รวมไปถึงขอจดทะเบียนและขออนุญาตกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขณะที่ FN จะเป็นผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สำเร็จออกสู่ตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ผลิตภัณฑ์ที่ร่วมกันพัฒนาและผลิต เบื้องต้นจะอยู่ในกลุ่มเครื่องสำอางประเภทบำรุงผิว ได้แก่ Bibury Coln x Prim (ไบบูรี โคลน์ พลัส พริม) ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ฉีดก่อนเข้านอน (Sleeping Mist), Mikrai (มิคลาย) ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวกาย (Body Wash) และ Mikrai (มิคลาย) ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวกาย (Body Lotion) คาดว่าจะเริ่มวางจำหน่ายได้ทันทีหากทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) อนุญาต โดยจำหน่ายผ่านช่องทางหลากหลายไม่ว่าจะเป็น FN Outlet 11 สาขา และ 1 มินิชอปในกรุงเทพมหานคร รวมถึงหน่วยขายรถทันใจ, ช่องทางออนไลน์ ได้แก่ FN application, Line@, Facebook: FN Outlet และแพลทฟอร์มอื่นๆ ซึ่งบริษัทคาดหวังจะมีสัดส่วนรายได้จากผลิตภัณฑ์ดังกล่าวนี้ประมาณ 10% ของรายได้รวมภายในปี 65
นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนพัฒนาสินค้ากลุ่มอื่นๆ อย่างกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกัญชงอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายมีส่วนแบ่งทางการตลาดผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากกัญชง ราว 5-10% ของมูลค่าตลาดรวมใน 5 ปีข้างหน้า
"สิ่งที่จะทำให้เราไปถึงเป้าหมายการมีส่วนแบ่งทางการตลาดผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากกัญชงได้นั้น มาจากการสร้างสินค้าที่ตอบโจทย์ มีคุณภาพ และการเข้าสู่ตลาดได้ก่อนคนอื่น ซึ่ง FN เริ่มวางแผนปรับพื้นที่ outlet เพื่อรองรับการวางสินค้ากลุ่มนี้ และพร้อมเปิดโอกาสให้ผู้ผลิตสินค้าที่มีส่วนผสมของกัญชง รวมถึงผู้ผลิตรายเล็กที่อยู่ในชุมชนบริเวณพื้นที่ที่มี outlet ตั้งอยู่ สามารถมาร่วมวางจำหน่ายกับบริษัทได้ทุกช่องทาง รวมทั้งการส่งออกในอนาคต"
นายธนิน ศรีเศรษฐี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร DOD กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้เชื่อว่าเป็นการต่อยอดธุรกิจของ 2 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายใต้การเป็น Strategic Partner ร่วมกัน ทั้งคิดค้นพัฒนาสูตร การสกัดเพื่อแปรรูปผลิตภัณฑ์ รวมถึงการจำหน่าย โดยเชื่อว่าด้วยจุดเด่นของทั้ง 2 บริษัทจะช่วยผลักดันให้มูลค่าการตลาดทั้งในส่วนของ ผู้ผลิต ผู้จำหน่าย และผู้บริโภค เติบโตไปพร้อมๆ กัน
บริษัทถือว่ามีจุดแข็งและความพร้อมด้านโรงสกัดวัตถุดิบ ทีมวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (R&D) ที่ค้นคว้าวิจัยนวัตกรรมและพัฒนาสารสกัดพืชสมุนไพร สู่การต่อยอดไปยังการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และสกินแคร์คอสเมติกส์ ขณะเดียวกันยังมีบริษัท สยาม เฮอเบิล เทค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ DOD มาเสริมศักยภาพในการต่อยอดการผลิตธุรกิจกัญชง ความร่วมมือระหว่าง 2 บริษัทในครั้งนี้จะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับ DOD และ FN ในอนาคตได้อย่างมีนัยสำคัญ
สำหรับความคืบหน้าการขอใบอนุญาตการนำเข้าเมล็ดพันธุ์กัญชง และการขอใบอนุญาตการผลิต เพื่อก่อตั้งโรงงานสกัดสาร CBD จาก อย. ปัจจุบันบริษัทได้ยื่นเอกสารเพื่อขอใบอนุญาตนำเข้าเมล็ดพันธุ์กัญชง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากก่อนหน้านี้ทาง อย.ได้เรียกคืนใบอนุญาตนำเข้าเมล็ดพันธุ์กัญชง พร้อมได้ขอข้อมูลเพิ่มเติมและได้ปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้อง เบื้องต้นคาดว่าภายในระยะ 2-3 เดือนนี้ ทาง DOD น่าจะได้รับใบอนุญาตนำเข้าเมล็ดพันธุ์กัญชงฉบับจริง รวมถึงน่าจะเห็นการออกกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนมากขึ้นในการยื่นขอใบอนุญาตส่วนอื่นๆ เช่น ใบอนุญาตผลิต (ที่มิใช่การปลูก) เพื่อก่อตั้งโรงงานสกัดสาร CBD ซึ่งทาง DOD ก็มีความพร้อม โดยมั่นใจว่าจะสามารถเริ่มผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกัญชา-กัญชง ให้กับกลุ่มลูกค้าในพอร์ตได้ภายในไตรมาส 3/64 เป็นต้นไป และน่าจะเริ่มเห็นสินค้าในกลุ่มกัญชงพร้อมวางจำหน่ายได้ในไตรมาส 1/65