ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (30 ต.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทบางแห่ง และจากการที่นักลงทุนมีท่าทีระมัดระวังก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ย ในการประชุมซึ่งจะเสร็จสิ้นในคืนวันพุธที่ 31 ต.ค. (ตามเวลาประเทศไทย)
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วงลง 77.79 จุด หรือ 0.56% แตะระดับ 13,792.47 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลดลง 9.96 จุด หรือ 0.65% แตะระดับ 1,531.02 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดขยับลง 0.73 จุด หรือ 0.03% แตะระดับ 2,816.71 จุด
ปริมาณซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 1.22 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 5 ต่อ 3 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ประมาณ 2.16 พันล้านหุ้น
นักลงทุนส่วนใหญ่มีท่าทีระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่เฟดจะตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยในคืนวันพุธ โดยนักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นลงอีกอย่างน้อย 0.25% อย่างไรก็ตาม การที่สหรัฐยังคงเผชิญภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงนั้น ทำให้นักลงทุนบางกลุ่มมองว่าเฟดอาจจะตัดสินใจตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันทันทีหลังจากสำนักงานคอนเฟอร์เรนซ์ บอร์ด ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยเอกชนของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.ร่วงลงแตะระดับ 95.6 จุด จากเดือนก.ย.ที่ระดับ 99.5 จุด ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 3 เดือนและเป็นการร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี อันเนื่องมากจากความกังวลเรื่องตลาดแรงงานและสภาวะทางธุรกิจที่ชะลอตัวลง
นายฟิล ออร์แลนโด นักวิเคราะห์จากเฟดเดอเรทเต็ด อินเวสเตอร์ส กล่าวว่า "นักลงทุนส่วนใหญ่กังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวลงอีกหากเฟดไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ย ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาดูแถลงการณ์ภายหลังการประชุมของเฟดว่าจะส่งสัญญาณใดๆเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยหรือไม่"
หุ้นพร็อคเตอร์ แอนด์ แกมเบิลร่วงลงหนักสุด หลังจากบริษัทประกาศลดคาดการณ์ผลประกอบการเนื่องจากต้นทุนที่ปรับตัวสุงขึ้น โดยราคาหุ้นปิดร่วงลง 4% ขณะที่หุ้นเควสท์ คอมมูนิเคชัน อินเตอร์เนชันแนล ดิ่งลง 13.7% หลังจากบริษัทปฏิเสธที่จะเปิดเผยแนวโน้มผลประกอบการในอนาคต ซึ่งทำให้นักลงทุนมองว่าบริษัทอาจเผชิญวิกฤตการณ์ด้านการเงิน
ส่วนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้น ซึ่งช่วยสกัดช่วงลบของดัชนี Nasdaq ไว้ได้บ้าง โดยหุ้นแอปเปิลพุ่งขึ้น 1.91% หุ้นไมโครซอฟท์ดีดขึ้น 2.9% และหุ้นกูเกิลทะยานขึ้น 2.3%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--