นายธนพล ศิริธนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) (FPT) กล่าวว่า ด้วยแพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร และกลยุทธ์ ?One Platform? สู่ความยั่งยืน ทำให้ FPT สามารถผลักดันการเติบโตของธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง โดยสามารถสร้างผลการดำเนินงานในช่วง 3 เดือนแรกที่ผ่านมาได้ในระดับที่น่าพอใจ และมั่นใจว่าในปีนี้บริษัทจะสามารถสร้างรายได้ตามเป้าที่ 1.7 หมื่นล้านบาทอย่างแน่นอน
เพื่อทำให้องค์กรมีความพร้อมในการดำเนินธุรกิจ FPT ยังได้เดินหน้าเพิ่มความสามารถในการบริหารจัดการขององค์กรในทุกมิติ เพื่อยกระดับด้านผลการดำเนินงาน (Performance) และความสามารถของบุคลากร (People) เสริมความแข็งแกร่งให้แก่แพลตฟอร์มอสังหาฯของ FPT ให้โดดเด่นและแตกต่างจากผู้ให้บริการรายอื่น
สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โควิด-19 ระลอก 3 บริษัทได้ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของลูกค้า ผู้ใช้บริการ และพนักงานทุกคน โดยได้นำเทคโนโลยีทันสมัยมาใช้เพื่อช่วยลดการสัมผัสภายในพื้นที่ให้บริการและสำนักงาน พร้อมมีนโยบายให้ทำงานจากที่บ้าน (Work from Home) และมีการสื่อสารให้พนักงานรับทราบข่าวสาร และข้อมูลที่ถูกต้องอยู่เสมอ
ภาพรวมของรอบปฎิทินไตรมาส 1/64 บริษัทสามารถสร้างผลการดำเนินงานที่ดีได้อย่างต่อเนื่องโดยมีการบันทึกรายได้รวมในรอบ 3 เดือน (ม.ค.-มี.ค. 64) อยู่ที่จำนวน 4,282 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิจำนวน 510 ล้านบาท แม้จะเผชิญกับความท้าทายและความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจจากสถานการณ์โควิด-19 โดยกลุ่มธุรกิจ "เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม" ที่สร้างรายได้จากการขายบ้าน มียอด พรีเซลของไตรมาส 1/64 อยู่ที่ 8,255 ล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า 24%
ส่วนการปฏิเสธสินเชื่อและยอดยกเลิกจากลูกค้า (Home Loan & Customer Rejection Rate) ยังคงอยู่ในอัตราสูง คิดเป็น 51% ทำให้บันทึกรายได้จากการขายในรอบ 3 เดือนอยู่ที่จำนวน 3,163 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนการเปิดโครงการบ้านฟังก์ชั่นครบ ตอบโจทย์การ Work from Home เพิ่มเติมอีก 11 โครงการในปีนี้ เพื่อรองรับ ดีมานด์ของลูกค้าที่เพิ่มสูงขึ้นจากไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปตามวิถีชีวิตแบบ New Normal
ส่วนกลุ่มธุรกิจที่สร้างรายได้จากค่าเช่าและค่าบริการ ประกอบด้วยกลุ่มธุรกิจ "เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล" และ กลุ่มธุรกิจ "เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ คอมเมอร์เชียล" ที่สามารถสร้างกระแสรายได้ที่สม่ำเสมอให้แก่บริษัทฯ มีการบันทึกรายได้รวมจากค่าเช่าและการบริการในไตรมาสแรก (ม.ค.-มี.ค. 64) จำนวน 543 ล้านบาท โดยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรมยังคงได้รับอานิสงค์จากการเติบโตของธุรกิจอี-คอมเมิร์ซที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากสถานการณ์โควิด-19 รวมถึงเทรนด์ใหม่ของ Supply Chain เพื่อเพิ่มโอกาสทางการค้าและลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ ส่งผลให้มีดีมานด์สำหรับโรงงานและคลังสินค้าอย่างต่อเนื่อง และมีอัตราผู้เช่าโรงงานและคลังสินค้าสูงเกินเป้าหมายอยู่ที่ 82.4%
ด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรมได้รับผลกระทบอย่างจำกัดจากรูปแบบการทำงานที่มีแนวโน้มปรับเปลี่ยนเป็นการทำงานจากที่บ้าน (Work from Home) เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ บริษัทฯคาดการณ์ว่าจะเป็นผลกระทบระยะสั้น เนื่องจากกลุ่มผู้เช่าหลักของ FPT เป็นบริษัทชั้นนำระดับสากลและบริษัทแถวหน้าของประเทศไทยที่มีสถานะทางการเงินที่มั่นคงยังมีดีมานด์การใช้อาคารสำนักงานอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ บริษัทได้นำมาตรการ ?PREVENTIVE? มาใช้ในอาคารสำนักงานเกรด A ทั้ง 5 แห่งของกลุ่ม โดยมุ่งเน้นการรักษามาตรฐานความปลอดภัยในระดับสูงสุดเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างมีประสิทธิภาพ จึงทำให้ได้รับความไว้วางใจจากผู้เช่า และผู้ใช้บริการ และเมื่อเร็วๆนี้ FPT ได้ประกาศความสำเร็จในการลงทุนจัดหาที่ดินเพื่อพัฒนาเป็นเขตอุตสาหกรรมและ โลจิสติกส์พาร์คในพื้นที่เมืองบินห์เดือง ประเทศเวียดนาม ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การลงทุนที่จะทำให้บริษัทฯสามารถรับรู้รายได้ได้อย่างรวดเร็ว โดยคาดว่าการพัฒนาในเฟสแรกจะแล้วเสร็จพร้อมให้บริการในช่วงกลางปี 65 และจะเริ่มรับรู้รายได้ในรอบปฏิทินไตรมาส 3/65