SCC คาดปี 50 ได้รับผลกระทบบาทแข็งกว่า 3.5 พันลบ./รายได้โตไม่ถึงเป้า 5%

          บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) คาดว่า รายได้ของเครือในปี 50 จะไม่สามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ 5% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาท คาดปีนี้จะได้รับผลกระทบจากเงินบาทที่แข็งค่ามากกว่า 3.5 พันล้านบาท จากช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาได้รับผลกระทบไปแล้ว 2.8 พันล้านบาท 
          "บริษัทจะมีรายได้เติบโตต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ โดย 9 เดือนที่ผ่านมาเติบโตเพียง 1.3% ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะโต 5% ตามเป้าหมาย เนื่องจากผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าสูงขึ้นจากปีก่อนประมาณ 3.60 บาท/ดอลลาร์ หรือประมาณ 10% จากปีก่อน มาที่อยู่ 33-34 บาท/ดอลลาร์" นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ SCC กล่าว 
          ขณะที่ ผลประกอบการในไตรมาส 4 จะทรงตัวจากไตรมาส 3 โดยในทุกธุรกิจยังได้รับผลกระทบจากต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะ ธุรกิจปิโตรเคมีที่มีสัดส่วนรายได้สูงสุด และ ธุรกิจกระดาษ โดยคาดว่ามาร์จิ้นจากปิโตรเคมีจะปรับตัวลดลงอีกจากไตรมาส 3/50 อยู่ที่ 670-680 เหรียญ/ตัน 
          สำหรับธุรกิจปูนซิเมนต์ ยังไม่มีแนวโน้มที่ดีขึ้นจากช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากยอดการบริโภคในประเทศปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยทั้งปีคาดว่ายอดใช้ปูนซิเมนต์ในประเทศจะติดลบ 6% จากปีก่อนที่มียอดใช้ปูนฯ 28 ล้านตัน แม้บริษัทจะเพิ่มการส่งออกมากขึ้นเป็น 7.5 ล้านตันในปีนี้ สูงกว่าปีก่อนที่ 7 ล้านตัน แต่ไม่ได้ช่วยให้รายได้ธุรกิจปูนฯดีขึ้น เนื่องจากราคาขายในต่างประเทศต่ำกว่าในประเทศ ประกอบกับเงินบาทที่แข็งค่า และในอนาคตยังไม่มีแผนเพิ่มเป้าการส่งออกมากกว่านี้ เพราะปริมาณการส่งออกที่ 7.5 ล้านตันถือว่าสูงสุดจากที่เคยส่งออกมา
          นายกานต์ กล่าวว่า ในปี 51 คาดว่าภาวะเศรษฐกิจในประเทศจะฟื้นตัว และภาครัฐควรจะเร่งกระตุ้นการใช้จ่ายในโครงการเมกะโปรเจ็คต์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นสำหรับเศรษฐกิจไทย แต่หากเกิดเมกะโปรเจ็คต์จริง ก็เชื่อว่าปริมาณการใช้ปูนคงจะไม่เกิดขึ้นในปี 51 เพราะกว่าจะเริ่มก่อสร้างต้องใช้เวลาเตรียมการอีกมาก  
          ในปี 51 เบื้องต้นบริษัทมีแผนงานที่จะดำเนินการต่อเนื่องจากปีนี้ คือการลดต้นทุนพลังงาน ซึ่งได้จัดสรรงบไปแล้ว 2-3 หมื่นล้านบาท ซึ่งได้ใช้ไปในปีนี้แล้ว 6 พันล้านบาท และเชื่อว่าในปีหน้าจะมีการลดต้นทุนพลังงานได้ถึง 600 ล้านบาท หลังกำลังดำเนินโครงการลดต้นทุนพลังงานในโรงงานปูนซิเมนต์ที่จ.นครศรีธรรมราช และ จ.สระบุรี ที่คาดว่าจะเสร็จในปี 51 เช่นเดียวกับในกัมพูชา โครงการลดต้นทุนพลังงานจะดำเนินการในครึ่งหลังปี 51