โบรกเกอร์มีมุมมองบวกต่อกลุ่มโรงพยาบาล (Healthcare) ที่ได้รับปัจจับบวกจากสถานการณ์การระบาดโควิด-19 จากที่มี การเข้ามาตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่ส่งผลดีต่อแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 1/64 อีกทั้งภาครัฐเปิดให้โรงพยาบาลเอกชนนำวัคซีน เข้ามาแต่ต้องผ่านภาครัฐ ซึ่งยังไม่สามารถคาดการณ์จำนวนวัคซีนได้ และการฉีดวัคซีนสำหรับโรงพยาบาลเอกชนคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วง ครึ่งปีหลังมากกว่า
โดยหุ้นที่เล่นธีมเก็งกำไรในส่วนของวัคซีนอย่างโรงพยาบาลที่รับประกันสังคมด้วย แนะ บมจ.บางกอก เชน ฮอสปิทอล (BCH) และ บมจ.โรงพยาบาลจุฬารัตน์ (CHG) นอกจากนี้ยังมีหุ้นตัวอื่นๆ ที่น่าสนใจในกลุ่มโรงพยาบาลทั้ง บมจ.เอกชัยการแพทย์ (EKH), บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) และ บมจ.โรงพยาบาลพระราม 9 (PR9)
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) ยูโอบี เคย์เฮียน ซื้อ BCH 18.50 ซื้อ CHG 3.26 หยวนต้า ซื้อ BCH 20.20 ซื้อ EKH 7.20 เอเซีย พลัส ซื้อ BDMS 24.00 ซื้อ PR9 12.00 บัวหลวง เก็งกำไร BCH 21.00 เก็งกำไร CHG 3.30 ซื้อ BDMS 26.00 ซื้อ BH 160.00
นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่าหุ้นใน กลุ่มโรงพยาบาลมีความน่าสนใจ โดยมองว่าเป็นปีของการ turnaround เนื่องจากปีที่แล้วได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 อย่าง ไรก็ตาม ไม่ได้คาดหวังนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่จะกลับเข้ามามากนัก จึงเน้นโรงพยาบาลที่มีสัดส่วนในการรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ค่อนข้างน้อย และเน้นโรงพยาบาลรับผู้ป่วยในประเทศ
โดยแนะนำซื้อหุ้น บมจ.บางกอก เชน ฮอสปิทอล (BCH) (ซื้อ/เป้า 18.50 บาท) และ บมจ.โรงพยาบาลจุฬารัตน์ (CHG) (ซื้อ/เป้า 3.26 บาท) ซึ่งทั้งสองตัวได้รับผลกระทบจากนักท่องเที่ยว และผู้ป่วยต่างชาติค่อนข้างน้อย ซึ่งแตกต่างกับหุ้น บมจ.โรง พยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) และหุ้นบมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) ที่เน้นสัดส่วนจากต่างชาติ
สำหรับกรณีที่รัฐบาลอาจอนุญาตให้ทางเอกชนนำวัคซีนเข้ามา แต่ต้องผ่านการบริการจากทางภาครัฐ จึงอาจมีผลในด้านค่า บริการต่างๆ แต่ยังตอบยากว่าวัคซีนที่เข้ามาจะมีปริมาณเท่าใด เนื่องจากยังไม่ทราบข้อมูลว่าแต่ละโรงพยาบาลจะได้รับวัคซีนจำนวนมาก น้อยเพียงใด อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าโรงพยาบาลที่มีขนาดเล็กน่าจะได้ประโยชน์มากกว่าโรงพยาบาลขนาดใหญ่ เนื่องจากฐานที่รับวัคซีน อาจไม่ช่วยโรงพยาบาลขนาดใหญ่ในแง่ของฐานรายได้มากนัก แต่ก็ยังถือว่าเป็นปัจจัยบวกที่จะเข้ามาในอนาคต
ทั้งนี้ หุ้น BCH, CHG แนะนำซื้อในระยะยาว หรือช่วง 12 เดือน อย่างไรก็ตามยังคงต้องติดตามประเด็นที่ต้องพิจารณาเพิ่ม เติมอย่างสถานการณ์โควิด-19 ที่อาจระบาดเพิ่ม ซึ่งหากไม่สามารถจัดการควบคุมได้ภายใน 1-2 เดือนนี้ หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลจึงอาจจะไม่ ฟื้นตัวดีเท่ากับที่คาดไว้
ด้านนายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) แนะนำซื้อหุ้นในกลุ่มโรง พยาบาล โดยแนะนำหุ้นที่มีแนวโน้มผลประกอบการออกมาดีอย่างหุ้น บมจ.บางกอก เชน ฮอสปิทอล (BCH) (ซื้อ/เป้า 20.20 บาท) และ บมจ.เอกชัยการแพทย์ (EKH) (ซื้อ/เป้า 7.20 บาท) โดยหุ้นทั้งสองตัวแนะนำซื้อลงทุน หรือการซื้อในระยะยาว ทั้งนี้ในช่วงไตร มาส 1/64 ไม่ใช่ช่วงไฮซีซั่นของกลุ่มโรงพยาบาล ช่วงไฮซีซั่นจะเป็นช่วงหน้าฝนอย่างไตรมาส 2-3/64 มากกว่า
อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาส 1/64 สำหรับโรงพยาบาลที่เปิดให้บริการตรวจโควิด-19 ได้อานิสงส์เชิงบวกจากการตรวจ โควิด-19 เข้ามาช่วยจึงทำให้ผลประกอบการในไตรมาสนี้น่าจะออกมาดี นอกจากนี้เรื่องการฉีดวัคซีนสำหรับโรงพยาบาลเอกชนคาดว่าจะ เกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังมากกว่า
ส่วนนายสุวัฒน์ วัฒนพรพรหม ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า สำหรับหุ้นในกลุ่มโรง พยาบาลแนะนำ บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) (ซื้อ/เป้า 24.00 บาท) เนื่องจากมีพื้นฐานที่ค่อนข้างแข็งแรงที่สุดในกลุ่มโรง พยาบาล โดยเป็นการแนะนำซื้อในระยะกลางถึงระยะยาว เนื่องจากระยะสั้นรายได้อาจยังฝืดๆ อยู่จนกว่าจะมีการเปิดประเทศ จากโครง สร้างรายได้ที่มีสัดส่วนผู้ป่วยต่างชาติประมาณ 30% โดยครึ่งหนึ่งอยู่ในประเทศไทย ส่วนที่เหลือคือกลุ่มต่างชาติที่บินเข้ามารักษา ดังนั้นราย ได้ในส่วนนี้จึงยังไม่กลับมา ทั้งนี้แนะนำหุ้นตัวนี้เพื่อรองรับการเปิดประเทศ และการฟื้นตัวที่จะเห็นในครึ่งปีหลังถึงครึ่งปีหน้านี้
นอกจากนี้ยังมีหุ้นที่มีความน่าสนใจรองลงมา อย่างหุ้น บมจ.โรงพยาบาลพระราม 9 (PR9) (ซื้อ/เป้า 12.00 บาท) เนื่อง จากโรงพยาบาลนี้มีสัดส่วนผู้ป่วยที่บินเข้ามารักษาประมาณ 10% โดยในปัจจุบันใน 10% นี้สามารถสร้างรายได้จากผู้ป่วยในไทยแทนจน สามารถ Cover ผลกระทบได้ทั้งหมดแล้ว จึงน่าจะเป็นบริษัทต้นๆ ที่น่าจะเห็นรายได้ที่ฟื้นตัวในช่วงสถานการณ์การระบาดของโควิด-19
และหุ้นที่น่าสนใจยังเป็นหุ้นที่เล่นธีมเก็งกำไรในส่วนของวัคซีน อย่างโรงพยาบาลประกันสังคมที่มีเครือข่ายต่างๆ เช่นหุ้น บมจ.บางกอก เชน ฮอสปิทอล (BCH) และ บมจ.โรงพยาบาลจุฬารัตน์ (CHG)
บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ว่า กลุ่มการแพทย์ (Healthcare) มีประเด็นหลักเรื่องรัฐไม่ปิดกั้นการนำเข้าวัคซีนโควิด- 19 จากภาคเอกชน โดยปัจจุบันการฉีดวัคซีน 65 ล้านโดส ฟรีในไทย รัฐบาลมีมติ จ่ายค่าฉีด-ชดเชย งบ สปสช. ที่สนับสนุนค่าฉีด 20 บาทต่อโดสแก่โรงพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วม แต่เรามองว่าโรงพยาบาลเอกชนส่วนใหญ่ไม่น่าจะมีกำไรอย่างมีนัยจากรายได้ส่วนนี้
ทั้งนี้เรายังยืนยันมุมมองกำไรระยะสั้นในไตรมาส 2/64 ที่คาดการณ์ไปก่อนหน้าว่า กำไรของทุกโรงพยาบาลจะเติบโตแข็ง แกร่งอย่างมีนัยทั้ง YoY และ QoQ ตามคาดการณ์ของเราที่รายได้ค่าบริการที่เกี่ยวข้องจากโควิด-19 จะหนุนรายได้ส่วนเพิ่มในไตรมาส 2/64
หุ้นในกลุ่ม รพ. จะมีความโดดเด่นมากขึ้นอีก แม้ราคาหุ้นทุกตัวปรับตัวขึ้นโดดเด่นมาแล้ว YTD เพราะระยะสั้นมีกำไรไตร มาส 2/64 จากอุปสงค์ที่ก้าวกระโดดขึ้นแบบฉับพลันจากการระบาดของโควิด-19 ในไทย นอกจากนี้ยังเป็นปีที่เริ่มกระจายวัคซีนโดย รพ. เอกชนมีส่วนร่วมด้วย และการฉีดวัคซีนแบบเจาะจงเป้าหมายจะทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ในบางพื้นที่และเปิดโอกาสการเปิดประเทศ
โดยสรุปราคาหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลที่อ่อนตัวในวัน คือ healthy correction โดยหุ้นที่จะนำกลุ่มรอบนี้ดังนี้ BCH (ซื้อเก็ง กำไร/เป้า 21 บาท), CHG (ซื้อเก็งกำไร/เป้า 3.30 บาท), BDMS (ซื้อ/เป้า 26 บาท), BH (ซื้อ/เป้า 160 บาท)