นายธนะชัย บัณฑิตวรภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ (ACE) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 1/64 ว่ามีรายได้จากการขายและบริการ 1,314.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากงวดเดียวกันปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ 1,216.6 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 5.7% จากไตรมาส 4/63 ซึ่งอยู่ที่ 1,242.7 ล้านบาท
ขณะที่มีกำไรสุทธิ 360.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42% จากไตรมาส 4/63 ที่ทำได้ 254.1 แต่ลดลง 39% จากไตรมาส 1/63 ที่ทำได้ 593.5 เพราะปีก่อนมีรายได้พิเศษจากการรับเงินค่าสินไหมทดแทนของบริษัทย่อยจำนวน 172 ล้านบาท ส่วนกำไรจากกิจกรรมปกติ (Core Profit) อยู่ที่ 305.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.8 % จากงวดเดียวกันปีก่อน ที่ทำได้ 303.1 ล้านบาท
"ACE มีรายได้แตะ 1,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้นตามเป้าหมายเป็นผลจากการรับรู้รายได้ของโรงไฟฟ้าใหม่ๆ เต็มไตรมาส กำลังการผลิตรวม 32.9 เมกะวัตต์ ประกอบด้วยโรงไฟฟ้าชีวมวล 3 แห่ง กำลังการผลิต 26.9 เมกะวัตต์ ที่ซื้อมาจาก บมจ. เอื้อวิทยา (UWC) และโรงไฟฟ้าขยะกระบี่ 6.0 เมกะวัตต์
อย่างไรก็ดี ในช่วงไตรมาส 1/64 ที่ผ่านมา โรงไฟฟ้าชีวมวลทั้ง 3 แห่งที่บริษัทฯ ซื้อมายังเดินเครื่องได้ไม่เต็มกำลังเนื่องจากยังอยู่ในช่วงที่มีการปรับปรุงเครื่องจักรเพิ่มเติมให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นและลดต้นทุนการผลิตลง รวมทั้งโรงไฟฟ้าชีวมวล 1 ใน 3 แห่งดังกล่าว ยังอยู่ในช่วงการ Test Run ตามขั้นตอนการเปลี่ยนสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเป็นรูปแบบสัญญา FiT ซึ่งคาดว่าตั้งแต่กลางไตรมาส 2 เป็นต้นไป โรงไฟฟ้าทั้ง 3 แห่งนี้จะสามารถเดินเครื่องได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและเต็มกำลังมากยิ่งขึ้น" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ACE กล่าว
นายธนะชัย กล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการปี 64 คาดว่ายังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และบริษัทฯ มีโอกาสที่จะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) โรงไฟฟ้าเพิ่มอีกหนึ่งแห่งได้ทันภายในปีนี้ คือ โครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล VSPP คลองขลุง ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 9.9 เมกะวัตต์ ซึ่งการก่อสร้างมีความคืบหน้าไปแล้วกว่า 60% และยังอยู่ระหว่างเจรจาดีลซื้อกิจการโรงไฟฟ้าอีกหลายดีลเพื่อขยายฐานธุรกิจเพิ่มเติม
บริษัทฯ มีความคืบหน้าในการขยายธุรกิจตามแผนที่วางไว้ นับตั้งแต่ปี 64 เป็นต้นมา โครงการโรงไฟฟ้าต่างๆ ของบริษัทฯ ทยอยลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) อย่างต่อเนื่อง เริ่มจากโครงการโรงไฟฟ้า SPP Hybrid คลองขลุง กำลังการผลิตติดตั้ง 20 เมกะวัตต์ ตามมาด้วยโครงการโรงไฟฟ้า SPP Hybrid นาบอน 1 และ นาบอน 2 ที่เป็นโรงไฟฟ้าชีวมวลทั้ง 2 โครงการ มีกำลังการผลิตติดตั้งรวมกัน 50 เมกะวัตต์ ทำให้ปัจจุบันมีโครงการโรงไฟฟ้า SPP Hybrid ที่ลงนามในสัญญา PPA เป็นที่เรียบร้อยแล้วรวม 3 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 70 เมกะวัตต์ คงเหลือ 1 โครงการ คือ โครงการโรงไฟฟ้า SPP Hybrid ระนอง โดยยังอยู่ในขั้นตอนการขอขยายระยะเวลาการลงนาม PPA และขยายกำหนดวัน SCOD กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมองหาโอกาสจากการเข้าลงทุนใหม่ๆ โดยในส่วนการเข้าประมูลโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนนำร่อง 150 เมกะวัตต์ ที่บริษัทฯ ได้เข้าร่วมยื่นประมูลด้วยหลายโครงการ เพราะมั่นใจในประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ รวมถึงมีสัมพันธ์อันดีกับเครือข่ายเกษตรกรและชุมชนกระจายอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งผลงานที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นว่า ACE มีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าชีวมวลในหลายพื้นที่ ดังนั้นเชื่อว่าข้อเสนอของบริษัทฯ จะเป็นข้อเสนอที่ดี เกิดประโยชน์กับชุมชนสูงสุด ผลักดันเศรษฐกิจฐานรากช่วยการสร้างรายได้ให้แก่ชุมชน โดยคาดว่าจะทราบผลการพิจารณาคุณสมบัติและคำเสนอขายไฟฟ้าด้านเทคนิคครั้งแรก ในวันที่ 2 ก.ค. 2564 นี้
ขณะที่โครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชน 400 เมกะวัตต์ที่ภาครัฐอยู่ระหว่างจัดทำหลักเกณฑ์เปิดรับซื้อไฟฟ้านั้น หากมีประกาศเปิดประมูลเมื่อใด บริษัทฯ ก็พร้อมที่จะเข้าร่วมประมูลแน่นอน เพราะมีความพร้อมทั้งด้านเงินลงทุน เทคโนโลยีและประสบการณ์ โดยเตรียมเสนอไว้ในหลายพื้นที่
ปัจจุบัน กลุ่มบริษัท ACE มีโรงไฟฟ้าที่เปิด COD แล้วกำลังการผลิตติดตั้งรวม 247.43 เมกะวัตต์ (ข้อมูล ณ 30 เม.ย.64) และมีกำลังการผลิตติดตั้งที่อยู่ระหว่างการพัฒนาอีก 202.14 เมกะวัตต์ รวมเป็นกำลังการผลิตติดตั้งทั้งสิ้น 449.57 เมกะวัตต์ และมีเป้าหมายที่จะเพิ่มกำลังการผลิตติดตั้งให้ได้มากกว่า 1,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 67