นายธนิน ศรีเศรษฐี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ดีโอดี ไบโอเทค (DOD) เปิดเผยว่า ผลดำเนินงานงวดไตรมาส 1/64 กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 411.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 70.3 ล้านบาท หรือ เติบโต 20.58% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากกลุ่มธุรกิจผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเติบโตโดดเด่น จากคำสั่งซื้อของกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพที่ยังคงได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ซึ่งเป็นผลจากผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญในการดูแลสุขภาพมากขึ้น
ทั้งนี้เป็นผลมาจากความเชี่ยวชาญด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) ในหลายรูปแบบ อาทิ รูปแบบผง , แคปซูล , ตอกเม็ด , เจลและเยลลี่ และซอฟเจลในรูปแบบที่เคี้ยวทั้งเมล็ด สามารถตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี
พร้อมกันนี้ด้วยกลยุทธ์เน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต รวมทั้งควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลในไตรมาส 1/64 กลุ่มบริษัทฯมีกำไรจากการดำเนินงาน (Operating Profit) 125.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 57.89 ล้านบาท หรือ เติบโต 85.92% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 67.38 ล้านบาท
กลุ่มบริษัทฯ ยังคงมีผลกำไรส่วนของบริษัทใหญ่จำนวน 55.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 27.16 ล้านบาท หรือ เติบโต 97.15% ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวในข้างต้นเป็นส่วนสำคัญช่วยผลักดันการเติบโตอย่างโดดเด่นให้กับผลประกอบการของบริษัทฯในช่วงไตรมาสนี้ และสามารถต่อยอดไปในไตรมาสถัดไปได้อย่างต่อเนื่อง
ขณะที่กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใหม่ ประเภทโพรไบโอติกรูปแบบเชื้อจุลินทรีย์ที่มีชีวิต (Active) ขณะนี้อยู่ยู่ระหว่างขั้นตอนการเจรจากับกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ ที่มีความสนใจส่งออเดอร์การผลิตในเฟสแรก ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ประเภทผงในซองขนาดเล็ก 3 กรัม ที่พร้อมรับประทานมีกำลังการผลิตอย่างน้อย 1 ล้านซองต่อเดือน รวมถึงอยู่ระหว่างการศึกษาเพิ่มไลน์การผลิตผลิตภัณฑ์ประเภทแคปซูลในเฟสถัดไป โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปชัดเจนได้เร็วๆนี้
นายธนิน กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าการพัฒนาธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพืชกัญชงนั้น บริษัทฯ ยังคงแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่า ต้องการเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการระดับต้นๆในอุตสาหกรรมกัญชงของประเทศไทย ภายหลังจากคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ประกาศหลักเกณฑ์และอยู่ระหว่างการออกใบอนุญาตให้เอกชนสามารถดำเนินกิจการเชิงพาณิชย์ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ล่าสุดอยู่ในขั้นตอนรอการตอบรับอย่างเป็นทางการจาก อย. เพื่อสามารถนำเข้าเมล็ดพันธุ์กัญชงอย่างเป็นทางการ เพื่อจัดสรรให้กับกลุ่มเกษตรกร ที่ได้รับใบอนุญาตเพาะปลูก หลังจากก่อนหน้านี้บริษัทฯ ได้ใบอนุญาตนำเข้าเมล็ดพันธุ์กัญชงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพียงแต่ทาง อย.จะขอให้บริษัทฯ รวมถึงผู้ได้รับใบอนุญาตทุกราย ปรับปรุงรายละเอียดเรื่องการนำเข้าเมล็ดพันธุ์กัญชงเป็นไปตามเงื่อนไขที่อย.กำหนดอีกครั้ง ซึ่งขณะนี้บริษัทฯได้ยื่นรายละเอียดให้กับ อย.พิจารณาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และได้รับการตอบรับเชิงบวก คาดว่าจะสามารถได้รับใบอนุญาตคืน เพื่อนำเข้าเมล็ดพันธุ์กัญชงอย่างเป็นทางการได้ในเร็วๆนี้
นอกจากนี้บริษัทฯ พร้อมยื่นขอใบอนุญาตตั้งโรงงานสกัดสาร CBD ในการเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สารสกัดจากกัญชงกับทาง อย.เป็นลำดับต่อไป เนื่องจากปัจจุบันบริษัทฯมีความพร้อมเรื่องของโรงสกัด และห้องปฏิบัติการ (LAB) ซึ่งผ่านการรับรองศักยภาพทุกๆด้านตามมาตรฐานหลักสากล