นายมาริษ ท่าราบ กรรมการผู้จัดการ บลจ. ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไท
คอน (TFUND) เปิดเผยว่า จากการที่ยอดจองหน่วยลงทุนของ TFUND มีเป็นจำนวนมากกว่าจำนวนที่เสนอขายนั้น ทำให้ทางบมจ. ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น (TICON) ต้องลดสัดส่วนการจองซื้อหน่วยลงทุนในส่วนของตนเอง เพื่อให้นักลงทุนประเภทสถาบันและรายย่อยได้รับการจัดสรรหน่วยลงทุนตามความต้องการ ตามหลักการจัดสรรที่ผู้จองจำนวนน้อยจะได้รับจัดสรรก่อน
กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอน ได้เสนอขายหน่วยลงทุนเพิ่มทุนครั้งที่ 2 จำนวน 185 ล้านหน่วย ราคาหน่วยละ 10.65 บาท รวมมูลค่า 1,970 ล้านบาท โดยเสนอขายให้กับผู้ถือหน่วยเดิม 50% และประชาชนทั่วไปอีก 50%
“หลังจากนี้ หน่วยลงทุนเพิ่มทุนของ TFUND จะเข้าจดทะเบียนเพิ่มเติมในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งนักลงทุนที่ต้องการการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอและมีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง สามารถทำการซื้อขายผ่านตลาดหลักทรัพย์ได้" นายมาริษ กล่าว
สำหรับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอน ซึ่งเสนอขายหน่วยลงทุนเพิ่มทุนเป็นครั้งที่ 2 นั้น จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปลงทุนซื้อสินทรัพย์ที่เป็นโรงงานอุตสาหกรรม TICON ทั้งสิ้น 47 โรง คิดเป็นพื้นที่ 95,925 ตารางเมตร คิดเป็นมูลค่า 1,940 ล้าน
บาท ซึ่งเมื่อรวมกับส่วนที่ลงทุนอยู่แล้ว จะทำให้โรงงานอุตสาหกรรมที่ TFUND เข้าไปลงทุนทั้งหมดเพิ่มขึ้นเป็น 131 โรง คิดเป็นพื้นที่ 286,482 ตารางเมตร รวมมูลค่าทั้งสิ้น 5,777 ล้านบาท
โดยสินทรัพย์ที่กองทุนเข้าไปลงทุนนั้น อยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ โดยอยู่ใกล้กับแหล่งอุตสาหกรรมที่สำคัญของประเทศ มีจุดศูนย์กลางเชื่อมต่อการคมนาคมขนส่ง ทั้งสนามบิน ท่าเรือ ซึ่งอัตราการเช่าพื้นที่สูงถึง 95% ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนมั่นใจในศักยภาพของกองทุน
ด้านนายวีรพันธ์ พูลเกษ กรรมการผู้จัดการ TICON เขื่อว่าเป็นเพราะศักยภาพของสินทรัพย์ในกองทุน ทั้งทำเลที่ตั้ง และกลุ่มลูกค้าหลักที่เป็นกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนอุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็คทรอนิคส์ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีโอกาสเติบโตและขยายตัวต่อเนื่อง ทำให้นักลงทุนมั่นใจในอนาคตของ TFUND
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/รัชดา/เสาวลักษณ์ โทร.0-2253-5050 ต่อ 353 อีเมล์: saowalak@infoquest.co.th--