นายประพัฒน์ ยอขันธ์ กรรมการ บมจ.อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น (IFEC) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการยื่นขออุทธรณ์ต่อศาลล้มละลายกลาง หลังจากวันที่ 15 ก.พ.ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ โดยบริษัทคาดว่าจะได้รับอนุมัติให้เข้าสู่แผนฟื้นฟูฯได้ในที่สุด
ขณะที่บริษัทได้ยื่นส่งงบการเงินรายไตรมาส และงบการเงินประจำปีสำหรับปี 60-62 ไปให้แก่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ทั้งหมดแล้วเมื่อวันที่ 1-2 เม.ย. 64 ที่ผ่านมา โดยเชื่อว่างบการเงินดังกล่าวได้จัดทำขึ้นตามมาตรฐานบัญชีที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน แม้ว่าผู้ตรวจสอบบัญชีจะไม่แสดงความเห็นต่องบการเงินที่ได้นำส่งก็ตาม
สาเหตุที่ผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นต่องบการเงินดังกล่าว เนื่องจากในช่วงปี 60-62 คณะกรรมการบริหารชุดปัจจุบันยังไม่ได้เข้ามาทำหน้าที่ บริษัทจึงมีข้อจำกัดในการจัดทำงบการเงินย้อนหลัง ส่งผลให้ผู้สอบบัญชีเห็นว่าบริษัทมีความไม่แน่นอนในบางประเด็น
ดังนั้น ตลท.จึงได้เพิ่มเหตุในการเพิกถอนระยะที่ 1 คือ ผู้ตรวจสอบบัญชีไม่แสดงความเห็นต่องบการเงินของบริษัทเป็นระยะเวลา 3 ปี ติดต่อกัน โดยบริษัทจะเร่งแก้ไขงบการเงินเพื่อที่จะให้ความไม่แน่นอนต่างๆหมดไปโดยเร็วที่สุด โดยจะเริ่มจากงบการเงินงวดปี 63 ต่อมาคือส่วนผู้ถือหุ้นติดลบ ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาหาแนวทางที่เหมาะสมอย่างระมัดระวัง เพื่อที่จะไม่ให้มีผลกระทบต่อผู้ถือหุ้น โดยมองทั้งการใช้เครื่องมือทางการเงิน และมาตรการทางบัญชี ด้วยระยะเวลาที่มีความเหมาะสมด้วย
นายประพัฒน์ กล่าวต่อว่า ล่าสุดทาง ตลท.ได้แจ้งให้ IFEC เข้าสู่ช่วงดำเนินการให้มีคุณสมบัติเพื่อกลับมาซื้อขายในกรณีนำส่งงบการเงินล่าช้า โดยขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการดำเนินการทำงบการเงินรายไตรมาส และงบการเงินประจำปีสำหรับปี 63 เพื่อที่จะส่งงบการเงินให้ได้ภายใน 2-3 เดือน และให้การแก้ไขปัญหาต่างๆทันกับที่ทาง ตลท.กำหนด ตลท. ภายในวันที่ 1 เม.ย. 65
ส่วนแผนการดำเนินงานปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เพื่อให้เข้ามาลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ของบริษัทเพื่อเปลี่ยนแผงโซลาร์เซลล์เป็นเทคโนโลยีใหม่ (Repowering) ที่จะช่วยให้อายุของแผงนานขึ้นและเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้า ซึ่งผู้ที่เข้ามาลงทุนจะได้ส่วนแบ่งกำไรจากการขายไฟฟ้าไป
ธุรกิจด้านสาธารณูปโภค คือการให้บริการกำจัดขยะ หรือการคัดแยกขยะ ในอำเภอบ่อวิน จังหวัดชลบุรี ก่อนที่จะนำขยะออกไปจำหน่ายให้กับโรงไฟฟ้า โดยปัจจุบันมีการจำหน่ายขยะออกไปราว 500-600 ตันต่อเดือน และอยู่ระหว่างการพิจารณาการเพิ่มกำลังการคัดแยกขยะเนื่องจากไม่จำเป็นต้องใช้งบลงทุนจำนวนมาก
นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อเพิ่มพื้นที่ให้บริการกำจัดขยะ และคัดแยกขยะ เพื่อนำไปจำหน่ายให้กับโรงไฟฟ้า ในจังหวัดสระแก้ว จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดกาญจนบุรี และจังหวัดนนทบุรี โดยบริษัทมีที่ดินรองรับการพัฒนาอยู่แล้ว
สำหรับโรงแรมดาราเทวี บริษัทได้มีการปิดให้บริการชั่วคราวหลังจากที่มีผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่ช่วงต้นปี 63 ที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงมีรายได้จากการขายอาหารและเครื่องดื่มที่เข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายขณะที่เตรียมแผนงานในอนาคตหากกลับมาเปิดดำเนินงานได้ เชื่อว่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดี ด้วยสถานที่ตั้งของโรงแรมที่เหมาะสม รูปแบบของโรงแรมที่มีความแตกต่างและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว พร้อมกันนี้บริษัทอยู่ระหว่างการหาแนวทางในการสร้างมูลค่าเพิ่มในรูปแบบต่างๆให้มีความเหมาะสมด้วย