นายสุพจน์ สิริกุลภัสสร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เจเอเอส แอสเซ็ท (J) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/64 แม้เผชิญสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่บริษัทยังคงมีผลกำไรสุทธิ 21.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนราว 26.5% มาจากการบริหารจัดการโครงการอสังหาริมทรัพย์ได้ตามเป้าหมาย การบริหารจัดการต้นทุน และควบคุมค่าใช้จ่ายโดยรวมของบริษัทฯ ได้ดี
ขณะที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 125.1 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนราว 24.2% จากการบริหารพื้นที่ให้เช่า ในสาขาของ IT Junction โดยเน้นไปที่สาขาที่มีผลกำไร และการขายคอนโดมิเนียมที่ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/63
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจศูนย์การค้าชุมชน ภายใต้แบรนด์ "The JAS" มีจำนวน 4 โครงการ และส่วนใหญ่โครงการของบริษัทเป็นลักษณะแบบเปิด รูปแบบ Open-Air Lifestyle Mall ยังสามารถตอบโจทย์ลูกค้ายุคใหม่ในการเข้ามาใช้บริการในศูนย์การค้าใกล้บ้าน และมีความปลอดภัย ขณะที่อัตราการเช่าพื้นที่ (Occupancy rate) อยู่ในระดับสูงกว่า 90%
นอกจากนี้ยังเตรียมเปิดให้บริการศูนย์การค้าชุมชน "JAS GREEN VILLAGE ? KUBON" บนถนนคู้บอน ย่านรามอินทรา เป็นโครงการคอมมูนิตี้มอลล์แห่งที่ 5 ของบริษัทฯ ตามแผนที่วางไว้ในไตรมาส 4/64 สนับสนุนการรับรายได้เข้ามาเพิ่มเติมในอนาคต
บริษัทฯ เดินหน้าจัดกิจกรรมด้านการตลาดร่วมกับบริษัทในเครือเจมาร์ท อีกทั้ง บริษัทฯ ยังแสวงหาโอกาสในการเติบโตผ่านช่องทางอื่นๆ โดยล่าสุดจับมือกับ บมจ.เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT) ใช้ความเชี่ยวชาญในการ ออกแบบ ปรับปรุง และพัฒนา สินทรัพย์รอการขายของ JMT ให้ครบวงจรยิ่งขึ้น สนับสนุนความต้องการของผู้บริโภค และคาดเห็นความคืบหน้ากิจกรรมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องในปีนี้อีก เพื่อสนับสนุนโอกาสการเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว
ด้านภาพรวมของอุตสาหกรรมค้าปลีกในช่วงต้นปี 64 ประเทศไทยต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ระลอกใหม่ ส่งผลต่อพฤติกรรมผู้บริโภคให้ความสำคัญในการจับจ่ายใช้สอยในศูนย์การค้าที่มีความปลอดภัย และใกล้บ้านมากขึ้น อีกทั้งกำลังซื้อจากผู้บริโภคที่ลดลงตามสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ มุ่งเน้นการให้บริการ และการบริหารพื้นที่เช่าอย่างมีประสิทธิภาพ และเสริมจุดแข็งจากกลุ่มเจมาร์ท ทำให้ธุรกิจยังคงความสามารถในการทำกำไร