นายโยชิยูกิ โฮริโอะ ประธานกลุ่มธุรกิจธนกิจพาณิชย์เกี่ยวกับญี่ปุ่น ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทางกลุ่มธุรกิจธนกิจพาณิชย์เกี่ยวกับญี่ปุ่นได้ออกมาตรการให้ความช่วยเหลือลูกค้าอย่างหลากหลาย เช่น ให้วงเงินสินเชื่อเพิ่มเติมเพื่อช่วยเสริมเงินทุนในการปฏิบัติงานและเสริมสภาพคล่องแก่ลูกค้า แบ่งปันมุมมองที่เกี่ยวกับตลาดและอุตสาหกรรมผ่านการสัมมนาออนไลน์ และสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆให้กับลูกค้าผ่านกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจต่างๆ
ทั้งนี้ ในปี 63 กลุ่มธุรกิจธนกิจพาณิชย์เกี่ยวกับญี่ปุ่นยังคงตอกย้ำความเป็นผู้นำด้วยยอดเงินฝากกว่า 61% ของส่วนแบ่งตลาด ซึ่งคิดเป็นอัตราการเติบโตกว่า 27% จากปี 62 และยังครองส่วนแบ่งตลาดด้านสินเชื่อกว่า 42% ในกลุ่มลูกค้าธุรกิจญี่ปุ่น
ด้วยเป้าหมายที่จะยังคงสถานะการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจอันดับหนึ่งในใจลูกค้า โดยการสนับสนุนลูกค้าในการขยายโอกาสทางธุรกิจให้เติบโตได้อย่างยั่งยืนในยุควิถีชีวิตรูปแบบใหม่ (New Normal) กลุ่มธุรกิจธนกิจพาณิชย์เกี่ยวกับญี่ปุ่นได้วางแผนธุรกิจระยะกลางปี 64-66 ที่มีจุดเน้นสำคัญสองประการ คือ การเสริมประสิทธิภาพของกลุ่มธุรกิจธนกิจพาณิชย์เกี่ยวกับญี่ปุ่น และการขยายธุรกิจสู่อาเซียน โดยได้กำหนดกลยุทธ์ที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้นแก่ลูกค้าแต่ละรายจากความเข้าใจในธุรกิจของลูกค้าที่แม่นยำกว่าเดิม พร้อมนำเสนอโซลูชั่นทางการเงินที่ครบวงจรจากความร่วมมือและศักยภาพของกรุงศรีและ MUFG และการปรับแพลตฟอร์มการปฏิบัติงานของกลุ่มธุรกิจ เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพโดยรวม
นอกจากนี้ทางกลุ่มงานจะเสริมศักยภาพของเราให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า ปรับปรุงส่วนงานให้คำปรึกษาให้สามารถให้คำแนะนำแก่ลูกค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลาย และขยายธุรกิจให้สามารถตอบรับการเปลี่ยนแปลงด้านซัพพลายเชนและการลงทุนของลูกค้าได้ในปีนี้ อีกทั้งการให้ความสำคัญกับรายได้ที่ไม่ได้มาจากดอกเบี้ย ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ธุรกรรมทางการเงิน การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ อนุพันธ์ และประกันภัยประเภทต่างๆ โดยธนาคารตั้งเป้าการเติบโตของสินเชื่อไว้ที่ 2.5% จากปีก่อน
การเปลี่ยนแปลงของซัพพลายเชนในกลุ่มลูกค้าธุรกิจญี่ปุ่นที่เป็นผลมาจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน และการแพร่ระบาดของโควิด-19 บริษัทญี่ปุ่นบางรายได้ย้ายฐานการผลิตจากประเทศจีนไปสู่ประเทศญี่ปุ่นและประเทศในอาเซียนรวมถึงประเทศไทย รวมถึงมีการลงทุนในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ทำให้ยังมีโอกาสสำหรับลูกค้าบริษัทญี่ปุ่นและบริษัทข้ามชาติในการขยายธุรกิจสู่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) อีกมากมาย โดยในปีก่อนธนาคารได้เปิดสำนักงาน EEC ในอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี และในนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด จังหวัดระยอง เพื่อเพิ่มช่องทางในการติดต่อให้บริการแก่ลูกค้าและช่วยสนับสนุนการสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆแก่ลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น อุตสาหกรรมที่ธนาคารห้ความสำคัญ ได้แก่ ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ การค้า และการเงิน
"กรุงศรีจะยังคงส่งเสริมโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ให้แก่ลูกค้าธุรกิจญี่ปุ่นและบริษัทข้ามชาติต่อไปด้วยการนำเสนอบริการต่างๆ ที่ช่วยสร้างคุณค่าเพิ่มให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งปันข้อมูลความรู้ผ่าน Krungsri Business Virtual Seminar กิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจผ่าน Krungsri Virtual Business Matching 2021 และ Krungsri-MUFG Virtual Business Matching 2021 ให้กับลูกค้าธุรกิจญี่ปุ่นและบริษัทข้ามชาติ รวมถึงลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และลูกค้าเอสเอ็มอี โดยกิจกรรมทั้งหมดนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถขยายธุรกิจได้ภายใต้เครือข่ายของ MUFG"นายโฮริโอะ กล่าว