L&E เชื่อ H2/64 ปรับตัวดีขึ้นหนุนรายได้ทั้งปีโต แม้ Q1/64 รายได้หด-ขาดทุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 12, 2021 14:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอนันต์ กิตติวิทยากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์ (L&E) เปิดเผยถึงแนวโน้มธุรกิจในปี 64 ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 ว่า ขณะนี้บริษัทฯ มีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แต่เชื่อว่ารายได้ปีนี้จะเติบโตจากปีที่ผ่านมา ตามการรับรู้รายได้ของงานในมือ (Backlog) ที่ปัจจุบันมีอยู่ 1,200 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นงานที่เลื่อนมาจากปี 63 และคาดจะรับรู้ทั้งหมดในปีนี้ ขณะเดียวกันงานโครงการขนาดใหญ่ยังดำเนินการต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยสนับสนุนรายได้เติบโต แต่ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะพิจารณาปรับเป้าหมายรายได้จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโต 15-25% โดยบริษัทขอประเมินสถานการณ์ในช่วงครึ่งปีแรกก่อน

การดำเนินธุรกิจของบริษัทในปี 64 ยังคงโมเดลธุรกิจ "Total Lighting Solution Provider" เพื่อสร้างความมั่นใจว่าลูกค้าจะได้รับบริการที่ดีที่สุดและสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้เป็นอย่างดี ภายใต้กระแสเศรษฐกิจดิจิทัลที่เรากำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ บริษัทฯ จะยังคงให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับผลิตภัณฑ์และบริการที่เกี่ยวข้องกับ IoT ซึ่งบริษัทฯ ได้พัฒนาจนกล่าวได้ว่าอยู่ในขั้นแนวหน้าของประเทศ มีผลงานในด้านนี้จำนวนมาก เช่น สมาร์ทซิตี้ ที่อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี โคมไฟถนนอัจฉริยะที่วังจันทร์ วัลเลย์ จังหวัดระยอง และโคมไฟฟ้าโซล่าร์อัจฉริยะรอบสนามบินจำนวน 22 แห่ง ของกรมท่าอากาศยาน เป็นต้น และมีแนวโน้มว่าธุรกิจด้านนี้กำลังเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1/64 มีรายได้จากการขายและให้บริการ 555 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้า 13 ล้านบาท หรือลดลง 2% เป็นผลจากรายได้จากการขายและให้บริการของงานโครงการลดลง 87 ล้านบาท หรือลดลง 22% และงานขายส่ง/ขายปลีกลดลง 25 ล้านบาท หรือลดลง 15% ส่วนงานขายต่างประเทศนั้น เพิ่มขึ้น 99 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 707%

การลดลงของรายได้จากงานโครงการ และงานขายส่ง/ขายปลีก เป็นผลจากธุรกิจต่าง ๆ ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ชะลอการลงทุนและซื้อสินค้าจากบริษัทฯ ลดลง รวมทั้งราคาต่อหน่วยของสินค้าบางรายการต้องปรับตัวลดลงเพราะการแข่งขันที่เข้มข้น ส่งผลให้รายได้จากการขายที่ปริมาณสินค้าจำนวนเท่ากันมีมูลค่าลดลง นอกจากนี้ยังมีงานโครงการหลายงานต้องเลื่อนการส่งมอบงานไปในไตรมาสถัดไป ส่วนงานขายต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นเป็นผลจากบริษัทฯ ได้เริ่มขายสินค้าไปให้ลูกค้าปลายทางที่ประเทศสหรัฐอเมริกา มูลค่า 94 ล้านบาท ในไตรมาสนี้

บริษัทมีผลขาดทุนสำหรับงวด 2.8 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนหน้าที่มีกำไร 8.8 ล้านบาท เป็นผลจากกำไรขั้นต้นจากการขายรวมรายได้อื่นลดลง 35.8 ล้านบาท ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง 19.5 ล้านบาท และมีเครดิตภาษีเงินได้นิติบุคคลสุทธิจำนวน 4.7 ล้านบาท

ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 161.6 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้า 17.3 ล้านบาท หรือลดลง 10% สาเหตุใหญ่มาจากค่าใช้จ่ายที่แปรผันตามผลการดำเนินงานได้ปรับตัวลดลง และค่าใช้จ่ายที่ปรับตัวลดลงเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 เช่น ค่าใช้จ่ายในการเดินทางและส่งเสริมการขาย เป็นต้น

"ผลประกอบการไตรมาสแรกที่ผ่านมา แม้บริษัทฯ ยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายของการแพร่ระบาดระลอกใหม่หรือครั้งที่สองของโควิด-19 เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 1 ของปีก่อนหน้าที่ยังไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ในรอบแรก แต่คาดว่าแนวโน้มธุรกิจจะเร่งฟื้นตัวอย่างชัดเจนในครึ่งปีหลังของปี 64 เป็นต้นไป ในทิศทางเดียวกับการฟื้นตัวของภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศที่เริ่มเดินหน้าและขยายตัว หลังวัคซีนเข้ามาคลายกังวล และภาพรวมงานโครงการต่างๆ มีแนวโน้มเชิงบวก และเร่งส่งมอบงานให้แล้วเสร็จ แต่ในปีนี้ผลกระทบจากโควิด-19 ระลอก 2 รายได้ครึ่งปีแรกจะชะลอตัวจากที่คาดการณ์ไว้ ส่วนการแพร่ระบาดระลอกที่ 3 นี้ บริษัทฯ เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และจะมีการประเมินภาพที่ชัดเจนในช่วงกลางปีนี้อีกครั้ง" นายอนันต์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ คาดว่าในครึ่งปีหลังจะปรับตัวดีขึ้นหลังจากที่วัคซีนเข้ามาแล้วและมีการฉีดได้ครอบคลุมมากขึ้น รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่คาดว่าจะออกมาในช่วงครึ่งปีหลัง หากสถานการณ์ไม่เลวร้ายลง เชื่อว่าความเชื่อมั่นจะกลับมา


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ