(เพิ่มเติม) บลจ.ธนชาตเปิดกองทุนใหม่เน้นลงทุนในกองทุนตปท.ขายหน่วย 5-15 ต.ค.นี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday October 3, 2007 15:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

         บลจ.ธนชาต เปิดขายกองทุนเปิดธนชาต โกลบอล บอนด์ ฟันด์ มูลค่าโครงการ 1.5 พันล้านบาท เสนอขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 5-15 ต.ค. 50 
กองทุนรวมดังกล่าวจะลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว คือกองทุน TEMPLETON Global Bond Fund ซึ่งจดทะเบียนในประเทศลักแซมเบิร์ก จะเน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐและเอกชนในภูมิภาคต่างๆ ของโลก
ทั้งนี้ กองทุน TEMPLETON Global Bond Fund มีมูลค่าทรัพย์สิน 7,165.4 ล้านเหรียญสหรัฐ (31 ก.ค.50)
บลจ.ธนชาตระบุ การลงทุนในกองทุนดังกล่าว จะเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนจากดอกเบี้ยของตราสารหนี้ การเพิ่มขึ้นของเงินลงทุนและกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน
นายตระกูลจิตร จิตตไสยะพันธ์ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บลจ.ธนชาต กล่าวว่า เหตุผลที่บลจ.ธนชาตเลือกลงทุนในกองทุน TEMPLETON Global Bond Fund เนื่องจากกองทุนดังกล่าวให้อัตราผลตอบแทนสูง 13-23% ในช่วงที่ผ่านมาและในช่วง 9 เดือนแรกปี 50 มีผลตอบแทน 9.6% โดยตั้งเป้ามีผลตอบแทนสูงกว่า benchmark 3-6% โดยเป็นกองทุนที่มีผลประกอบการดีที่สุด 1 ใน 10 ของกองทุนตราสารหนี้ รวมทั้งเป็นกองทุนที่มีเครือข่ายทั่วโลก
กองทุนTEMPLETON Global Bond Fund เน้นลงทุนตราสารหนี้ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพันธบัตรของรัฐบาล แบ่งเป็นในเอเชีย 35% ในยุโรปตะวันออก 38% และ ในอเมริกายกเว้นสหรัฐฯ 21% โดยเฉพาะลงทุนในสวีเดน แคนาดา โปแลนด์ในสัดส่วนสูงเป็นอันดับต้นๆ เนื่องจากประเทศที่ลงทุนเหล่านี้มีแนวโน้มค่าเงินแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ จะทำให้ได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน
อย่างไรก็ตาม นายตระกูลจิตร แนะนำว่า นักลงทุนควรลงทุนระยะยาว 2-3 ปีขึ้นไป เพราะจะได้รับผลตอบแทนได้ดีกว่า โดยหากลงทุนไม่ถึง 1 ปี จะเสียค่าธรรมเนียมในการขายคืน 1% แต่หากถือเกิน 3 ปีจะไม่เสียค่าธรรมเนียมขายคืน
ด้านนายมณฑล จุนชยะ ผู้จัดการกองทุนอาวุโส บลจ.ธนชาต กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยขึ้นกับการเลือกตั้ง ซึ่งคาดว่าในช่วงเดือนต.ค.นี้ ดัชนีจะอยู่ในกรอบ 840-850 จุด แต่คาดว่าในอีก 3 เดือนข้างหน้าดัชนีจะปรับตัวขึ้นได้อีก และอาจจะเกิด January Effect ต่อเนื่องได้ ทั้งนี้ หากราคาน้ำมันปรับตัวลดลงอาจทำให้ราคาหุ้นพลังงานปรับลงตามด้วย จากความกังวลและอาจจะกดดัชนีได้เพราะเป็นหุ้นมาร์เก็ตแคบใหญ่ในตลาดหุ้นไทย
ขณะที่ตลาดต่างประเทศในขณะนี้ก็ยังมีความกังวลในเรื่องซับไพร์มอยู่ และ การปรับลดลงดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ก็จะส่งผลให้เงินทุนต่างประเทศเข้ามาไม่แรงเช่นช่วงที่ผ่านมา แต่จะมีลักษณะทยอยเข้ามาลงทุน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ