นายสุริยันต์ โคจรโรจน์ กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ศิครินทร์ (SKR) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการในปี 64 ยังคงเติบโตต่อเนื่องจาก 3 ส่วน คือ รายได้จากการรักษาโรคเฉพาะทางที่ซับซ้อนด้วยการผ่าตัด, รายได้จากการดูแลลูกค้าสุขภาพดีผ่าน BeBetter Center และรายได้จากกลุ่มประกันสังคม เห็นได้จากการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในไตรมาส 1/64 และปีนี้เครือโรงพยาบาลศิครินทร์ ทั้ง 3 แห่ง ยังได้รับจำนวนโควต้าผู้ประกันตนเพิ่ม โดยสามารถรองรับผู้ประกันตนได้ ประมาณ 500,000 ราย
นอกจากนี้ในช่วงกลางปียังมีพอร์ตรายได้ใหม่จากกลุ่มข้าราชการ ที่ใช้สิทธิสวัสดิการภาครัฐเบิกค่ารักษาพยาบาลผ่านกรมบัญชีกลางเข้ามาซึ่งเชื่อว่าจะมีการเติบโตอย่างน่าสนใจ อีกทั้งในช่วงครึ่งปีหลังนี้จะมีการเปิดตัว "สถาบันสุขภาพเฉพาะทางสตรี " เน้นการดูแลกลุ่มลูกค้าสุภาพสตรีแบบครบวงจรผ่าน ศูนย์สูติ-นรีเวช ศูนย์มะเร็งในสตรี ศูนย์ผู้มีบุตรยาก และคลินิกวัยทอง
"ในปีนี้ เครือโรงพยาบาลศิครินทร์มุ่งเน้นการสร้างการรับรู้ของลูกค้า (Brand Awareness) ผ่าน Tagline ใหม่ คือ ศิครินทร์ เคียงข้างคุณ โดยลูกค้าจะสามารถเข้าถึงศักยภาพทางการแพทย์ที่เพิ่มมากขึ้น และแนวคิดการพัฒนาคนผ่าน Brand DNA 4S ประกอบด้วย Specialist Service Sincere และ Society เพื่อการก้าวสู่ Healthcare Solution ในอนาคต รวมถึงยังให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการต้นทุนให้ลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทีมบริหารมีความตั้งใจที่จะสร้างการเติบโตอัตรากำไรสุทธิให้ได้ 2 หลัก ตามนโยบายที่เคยให้ไว้" นายสุริยันต์ กล่าว
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1/64 บริษัทฯ มีรายได้รวม 997.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.89 ล้านบาท เติบโต 2.25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีรายได้ 974.95 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิที่ 94.53 ล้านบาท เติบโต 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิที่ 72.70 ล้านบาท
สาเหตุการเพิ่มขึ้นทั้งรายได้และกำไรสุทธิ มาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการรักษาพยาบาล ซึ่งมีการกระจายรายได้ที่เหมาะสมทั้งจากกลุ่มคนไข้ทั่วไปและกลุ่มคนไข้ประกันสังคม การเข้ามาใช้บริการกับศิครินทร์มากขึ้นจากมาตรฐานคุณภาพโรงพยาบาลที่สามารรักษาโรคเฉพาะทางที่ซับซ้อน ภายใต้แคมเปญ "เรื่องผ่าตัดไว้ใจศิครินทร์" หรือ "#Trust SIKARIN" ยังสามารถสร้างรายได้จากกลุ่มคนไข้ใน (IPD) เพิ่มขึ้น
บริษัทฯ ได้เน้นการบริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพทั้งในด้านต้นทุนการบริหารจัดการ ค่าธรรมเนียมแพทย์,ค่าล่วงเวลารวมถึงการบริหารต้นทุนของการใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์ ได้ดีขึ้น